“ศรีสุวรรณ” เดินสายร้องต่อ ยื่น กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีโพงาม ชัยนาท ชี้ กระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง มากมาย และเคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แต่ลงสมัครรับเลือกตั้งได้
วันนี้ (17 ก.ย.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุพบข้อพิรุธเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลโพงาม อ.สรรค์บุรี จ.ชัยนาท บางราย เนื่องจากได้รับพยานหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการกระทำของนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบางโพ รายดังกล่าว อาจมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ซึ่งจากการตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีตำบลโพงาม รายหนึ่ง พบว่าผู้รับสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีคนดังกล่าว เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาก่อน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 จึงอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามตาม ม.50 แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ที่บัญญัติไว้ความว่า “บุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คือ เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใดๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงและยังไม่พ้น 5 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เทศบาลตำบลโพงาม อ.สวรรค์บุรี จ.ชัยนาท ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและประกาศให้เป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี และได้ออกหลักฐานการสมัครให้ด้วยนั้น ย่อมเป็นการขัดต่อกฎหมายข้างต้นและหรือขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายโดยชัดแจ้ง เพราะหลักฐานชี้ชัดว่าบุคคลดังกล่าวย่อมรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีคุณสมบัติจะลงสมัคร
นอกจากนี้ ยังพบว่า ผู้สมัครรายดังกล่าว ยังมีการกระทำที่ฝ่าฝืนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 และระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2563 อีกหลายประการ อาทิ การติดตั้งป้ายหาเสียงขนาดใหญ่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและติดป้ายสติ๊กเกอร์ในบ้านเรือนประชาชน รวมทั้งมีการซื้อสิทธิขายเสียงและยังไปยืนเฝ้าหน้าหน่วยเลือกตั้งเพื่อกดดันให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งการลงคะแนนให้ตนเอง แต่ทำไม กกต.จึงรับรองผลการเลือกตั้งได้
สมาคมฯ จึงมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้สมัครรับเลือกตั้งรายดังกล่าวเป็นความผิดต่อกฏหมายหรือไม่ หากเป็นความผิดให้ดำเนินการเอาผิดผู้สมัครคนดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันได้รับการรับรองจาก กกต.แล้วด้วยบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หากใช่ก็ขอให้เพิกถอน พร้อมกับสั่งให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นโมฆะ และสั่งให้มีการเลือกตั้งตำแหน่งนายกเทศมนตรีใหม่ รวมทั้งต้องดำเนินคดีเอาผิดบุคคลดังกล่าว ตามมาตรา 120 ของ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ต่อไป