นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงเรื่องการเปิดประเทศ ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ทำตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยวันที่ 1 กรกฎาคม ได้เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีนักท่องเที่ยวกว่า 2 หมื่นกว่าคน รวมแล้วมีคนเข้าพัก 3.6 แสนกว่ารูมไนท์ มีนักท่องเที่ยวติดโควิด-19 จากการตรวจเชื้อครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 รวม 80 คน โดยนักท่องเที่ยวที่พบเชื้อจะกักตัวและทำการรักษา รวมถึงกลุ่มเสี่ยงที่อยู่บนเครื่องให้อยู่ในโรงแรมเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ หลังจากไม่มีอาการจะให้ออกนอกห้องพักได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไม่มีเชื้อ ก็ท่องเที่ยวในจังหวัดได้
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ หรือ สมุยพลัส เป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง 6-7 หมื่นบาท และที่สมุยพลัสโมเดล มีนักท่องเที่ยว 5,727 รูมไนท์ เป็นการทดสอบการเปิดประเทศตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
ส่วนการเปิดประเทศระยะที่ 2 ตั้งแต่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป จะเปิดเพิ่มอีก 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ จากนั้นในระยะที่ 3 จะเปิดเพิ่มอีก 21 จังหวัดครอบคลุมทั้งประเทศ และระยะที่ 4 คาดว่าจะเริ่มในต้นปีหน้า โดยเปิดการท่องเที่ยวแบบ bubble กับประเทศเพื่อนบ้าน ตามพื้นที่ชายแดน โดยต้องให้ประเทศเพื่อนบ้านยอมรับด้วย แต่ทั้งหมดทุกอย่างต้องอยู่ที่ความพร้อมของสาธารณสุขจังหวัดเห็นชอบ
ขณะที่การเปิดการท่องเที่ยวของคนไทย นายพิพัฒน์ กล่าวว่า จะเปิดได้ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป เพราะทางภาคเหนือ อีสาน และแถบอันดามัน เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว ทั้งนี้ การจะเปิดการท่องเที่ยวจะต้องเชื่อมโยงกับการได้รับวัคซีนของคนไทยทั้งประเทศ หากพื้นที่ใดได้รับวัคซีนแล้ว 70% ก็จะให้เปิดเป็นรายจังหวัดหรือรายอำเภอ พร้อมยืนยันว่า นายกรัฐมนตรีส่งเสริมการท่องเที่ยว ไม่ใช่ไม่ดำเนินการอะไร