xs
xsm
sm
md
lg

“เอนก” ชี้สถานการณ์โควิดไทยดีกว่ามาเลเซีย ไทยลดต่อเนื่อง ขณะที่มาเลเซียยังอ่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รมว.อว.” ชี้สถานการณ์โควิดไทยดีกว่ามาเลเซีย ผู้ติดเชื้อใหม่-รักษาตัวใน รพ.ของไทยลดต่อเนื่อง ขณะที่มาเลเซียยังพุ่งไม่หยุด


วันนี้ (28 ส.ค.) ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากที่ตนได้เคยกล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศเวียดนามในฐานะที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศที่ได้รับคำชื่นชมในการควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีไปแล้ว คราวนี้ขอกล่าวถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทยอีกหนึ่งประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ในอันดับติดกับไทยในภูมิภาคอาเซียน นั่นคือ มาเลเซีย ผู้ติดเชื้อใหม่ไทย

หากมองในมุมเปรียบเทียบระหว่างสถานการณ์ของไทยกับมาเลเซียตั้งแต่เริ่มการระบาดจนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในช่วงแรกนั้นใกล้เคียงกันมาก แต่ขณะนี้ผู้ติดเชื้อสะสมของมาเลเซียสูงกว่าไทยเกือบห้าแสนราย ไทยมีผู้ติดเชื้อสะสมจนถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 จำนวน 1,139,571 ราย เป็นอันดับที่ 31 ของโลก มาเลเซียนั้นมีผู้ติดเชื้อสะสม จำนวน 1,662,913 ราย เป็นอันดับที่ 24 ของโลก ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันของไทยนั้นมีแนวโน้มค่อย ๆ ลดลงมา ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2564 และมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันต่ำกว่าสองหมื่นรายติดต่อกันเป็นวันที่หกแล้ว (22-27 สิงหาคม 2564) แตกต่างจากมาเลเซียที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันนั้นยังมีแนวโน้มที่อาจจะสูงขึ้นอีก

รมว.อว.กล่าวต่อว่า ไทยมีผู้เสียชีวิตสะสมถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2564 จำนวน 10,587 ราย เป็นอันดับที่ 49 ของโลก ส่วนมาเลเซียมีผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 15,550 ราย เป็นอันดับที่ 39 ของโลก หากสังเกตจากกราฟจะเห็นว่า มาเลเซียมีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่าไทยอย่างชัดเจน และลักษณะกราฟของจำนวนผู้เสียชีวิตนั้นแปรผันตามจำนวนผู้ติดเชื้อ และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลในวันที่ 27 สิงหาคม 2564 นั้น มีถึง 265,695 ราย ส่วนไทยมีผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล 185,200 ราย ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2564 มาแล้ว หากมองย้อนกลับไปดูจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นั้น มาเลเซียและไทยมีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลแตกต่างกันไม่มาก มาเลเซียมีผู้ป่วย 65,453 ราย ส่วนไทยมีผู้ป่วย 52,052 ราย

อย่างไรก็ตาม มาเลเซียมีแผนที่จะผ่อนคลายข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่ระบาดสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส เช่น อนุญาตให้ประชาชนรับประทานอาหารที่ร้าน เล่นกีฬากลางแจ้งแบบไม่รวมกลุ่ม และท่องเที่ยวข้ามรัฐได้ และในรัฐที่เข้าเกณฑ์ เช่น ยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงและอัตราการฉีดวัคซีนที่สูง เป็นต้น พร้อมทั้งปรับเกณฑ์พิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ใหม่ โดยตัดสินใจเลิกใช้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมาเป็นตัวแปรในการพิจารณา แล้วดูที่ตัวเลขผู้ป่วยที่เข้าโรงพยาบาลแทน จะเห็นได้ว่าซึ่งเป้าหมายของมาเลเซียตอนนี้ คือพยายามกลับมาเปิดเศรษฐกิจให้ได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ นี่คือความพยายามปรับแผนเพื่อแก้สถานการณ์โควิด-19 โดยมีเป้าหมายให้มาเลเซียกลับมาเปิดเมืองให้เร็วที่สุด












กำลังโหลดความคิดเห็น