นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันนี้ได้หารือร่วมกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะฉีดวัคซีนให้แก่ประชากรทุกคนในประเทศไทย ที่ผ่านมาได้รับการประสานจากสถานทูตต่างๆ ในการรวบรวมรายชื่อและข้อมูลชาวต่างชาติให้แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนัดหมายเข้ามาฉีดวัคซีนตามจุดฉีดต่างๆ เช่น โรงพยาบาลเมดพาร์ค โรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลบางรัก และศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้ขยายการฉีดชาวต่างชาติที่อยู่ในภูมิภาคด้วย โดยจะประสานกับกรมการกงสุล เพื่อนำรายชื่อชาวต่างชาติที่ขึ้นทะเบียนส่งไปยังจังหวัดต่างๆ ทำการนัดหมายเข้ามาฉีดต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประสานกับประเทศต่างๆ เพื่อช่วยจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมให้แก่ประเทศไทยด้วย ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้เจรจาทำให้ประเทศไทยได้รับวัคซีนบริจาคเข้ามาใช้เพิ่มขึ้น เช่น วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากญี่ปุ่น วัคซีนซิโนแวคจากจีน และวัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกา ล่าสุดคือ การเจรจาแลกเปลี่ยนวัคซีนแอสตราเซเนกากับประเทศภูฏาน
ส่วนกรณีใบรับรองการฉีดวัคซีนของชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้น ผู้ฉีดวัคซีนที่ประเทศไทยให้การรับรองว่าเดินทางเข้ามาได้ คือ วัคซีนซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ครบโดสตามที่กำหนด เนื่องจากวัคซีนเหล่านี้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว ส่วนวัคซีนสปุตนิก V ยังอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจะมีการประชุมเร็วๆ นี้ เพื่อพิจารณาให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนสปุตนิก V สามารถเดินทางเข้ามาได้เช่นกัน
สำหรับการฉีดวัคซีนชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ข้อมูลถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2564 ฉีดแล้ว 356,337 ราย คิดเป็น 7.27% ของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทั้งหมด ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว 107,106 ราย คิดเป็น 30.1% เป็นชาวต่างชาติอายุ 60 ปีขึ้นไป 27,028 ราย โดย 10 สัญชาติที่ได้รับการฉีดมากที่สุด คือ เมียนมา จีน กัมพูชา ลาว ญี่ปุ่น อินเดีย ฟิลิปปินส์ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกัน ตามลำดับ