ในการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ วันนี้ (20 ก.ค. 64) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เสนอแนวทางการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ต่อที่ประชุม ว่า มีข้อมูลการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ 5,045 คน เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 2,100 คน และเรือนจำกลางบางขวาง 5,231 คน จึงได้ศึกษาข้อมูลของฟ้าทะลายโจรเพิ่มเติม และทราบว่าในฟ้าทะลายโจรมีสารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ ซึ่งกรมการแพทย์แผนไทยระบุว่าสามารถยับยั้งไวรัสได้ โดยต้องใช้ประมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน ใช้ติดต่อกัน 5 วัน จะรักษาโควิดได้
สารตัวนี้จะสกัดจากฟ้าทลายโจรในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ซึ่งในการปลูก 1 ไร่ จะได้ประมาณ 600 กิโลกรัม สามารถสกัดได้ประมาณ 150 กิโลกรัม ทำยาได้ 375,000 แคปซูล หากจะใช้กับคนไทยทั้งประเทศ ต้องใช้ 3,150 ล้านแคปซูล หรือจะต้องปลูกประมาณ 8,400 ไร่ ในส่วนของการนำต้นมาบดหยาบ 600 กิโลกรัม จะได้ประมาณ 1,300,000 แคปซูล
นายสมศักดิ์ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในส่วนของกรมราชทัณฑ์ จะผลิตได้ประมาณ 50 ล้านแคปซูล ภายใน 4 เดือน ใช้ได้กับ 50% ของผู้ต้องขังทั้งหมด และวานนี้ (19 ก.ค.) ได้หารือกับโรงงานผู้ผลิตยาแคปซูลฟ้าทะลายโจร 9 บริษัท ทราบว่าสามารถผลิตแคปซูลทั้งแบบสกัดและบดหยาบรวมแล้วประมาณ 45 ล้านเม็ดต่อเดือน และยังมีอีกหลายโรงงานที่ยังไม่ได้ติดต่อไป อย่างไรก็ตาม การใช้ฟ้าทะลายโจร จะเป็นมาตรการเสริมในการรักษาโควิด-19 ชะลอความกังวลของผู้รอวัคซีน สามารถส่งออกได้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย
นายสมศักดิ์ ระบุว่า ปัจจุบันฟ้าทะลายโจรราคากิโลกรัมละ 450 บาท ผลดีของการใช้ฟ้าทะลายโจรคือการใช้กับกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อกินได้ทันที โดยไม่ต้องรอผลตรวจ ใช้กับผู้ที่มีอาการคล้ายการติดเชื้อ และใช้กับผู้ที่ผลการตรวจเป็นบวกแต่ไม่แสดงอาการ ซึ่งตนคิดว่ากระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการ และคิดว่าสามารถดำเนินการเป็นมาตรการเสริมได้ นอกจากนี้คนเริ่มสนใจมากขึ้น จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ควบคุมราคาไม่ให้แพงเกินไปด้วย
ทางด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นข้อมูลที่ดี ขอให้กระทรวงยุติธรรม กับกระทรวงสาธารณสุข แลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ และขอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาร่วมกัน โดยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบ รวมถึงการบูรณาการร่วมกับกระทรวงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อวางยุทธศาสตร์แพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะต้องศึกษาข้อดี-ข้อเสียของสมุนไพรฟ้าทะลายโจรให้ชัดเจนว่าต้องใช้อย่างไร มีอันตรายหรือไม่ และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนอย่างถูกต้อง โดยขอให้เร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด