MGR Online - “อายุตม์” ยันสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร ช่วยลดความรุนแรงผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ 278 ราย ย้ำการรักษามาตรการป้องกันยังเข้มงวด
วันนี้ (9 ก.ค.) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจําและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันท่ี 8 ก.ค.64 เวลา 16.00 น.) ว่า พบผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 278 ราย รักษาหายเพิ่ม 310 ราย รวมมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 1,523 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในวันนี้
นายอายุตม์ เปิดเผยว่า ขณะนี้มีเรือนจําสีขาวที่ไม่พบการระบาด 122 แห่ง และเรือนจําสีแดงที่พบการระบาด 11 แห่ง ซึ่งเป็นจํานวนเท่าเดิม ส่วนการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ที่เพิ่มขึ้นจากวันก่อนๆ เนื่องจากมีการตรวจ SWAB ตามรอบของเรือนจําสีแดงที่พบจํานวน 277 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 1 ราย มีผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่ม 278 ราย รวมหายสะสม 35,449 ราย
นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ในภาพรวมถือว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจําและทัณฑสถานดีขึ้น มีจํานวนผู้ติดเชื้อที่ได้รับการรักษาหายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้ต้องขังที่ยังอยู่ระหว่างการรักษา ลดลงต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่ากรมราชทัณฑ์สามารถควบคุมโรคได้อย่างเป็นระบบ ทั้งการแยกรับผู้ต้องขังใหม่เพื่อกักโรคในพื้นที่เรือนจําชั่วคราวหรือเรือนจําโครงสร้างเบา การจัดทําห้องแยกเพื่อรอผลตรวจเชื้อก่อนเข้าห้องกักโรค การจัดระบบหมุนเวียนเจ้าหน้าที่เพื่อลดการนําเชื้อเข้าสู่เรือนจํา และการค้นหาเพื่อรักษาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว
“ด้วยการเร่งค้นหาและรักษาผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุด ทำให้ที่ผ่านมาพูดติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการ จึงสามารถใช้แนวทางการรักษาด้วยยาฟ้าทะลายโจร ควบคู่กับยาแคปซูล กระชายขาว และน้ําขิง ที่ต้องยอมรับว่าได้ผลดีมาก โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจรที่สามารถลดความรุนแรงของโรค ได้เป็นอย่างดี จนได้รับการขึ้นทะเบียนในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร กรมราชทัณฑ์จึงสั่งให้เรือนจํา และทัณฑสถานทั่วประเทศเร่งปลูกต้นฟ้าทะลายโจร เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาโรค ซึ่งเป็นไปตามข้อสั่งการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มอบหมายให้กรมราชทัณฑ์จัดพื้นที่ ทดลองปลูกพืชฟ้าทะลายโจร จํานวน 1,000 ไร่ เพื่อนํามาแปรรูป และใช้ประโยชน์ในการป้องกันและ รักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้ต้องขัง ตลอดจนเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกต่อไป”
อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัดในทุกจุด ดําเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างเข้มงวด และเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสภาวะท่ีการแพร่ระบาดของเชื้อภายนอกยังคงรุนแรง เพื่อให้การสกัดกั้นเชื้อไม่ให้เข้าสู่เรือนจําและทัณฑสถานเป็นไป อย่างมีประสิทธิภาพ