นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 วันนี้พบการติดเชื้อสูงถึงระดับ 7,058 ราย สะสมเกือบ 2.8 แสนราย เสียชีวิต 75 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และมีการแพร่ระบาดในต่างจังหวัดตามลำดับ เป็นตัวเลขที่ค่อยๆ สะสมและเพิ่มแสดงถึงการติดเชื้อที่มากขึ้น มีประชาชนรอตรวจหาเชื้อโควิดจำนวนมาก ที่โรงพยาบาลบุษราคัม มีผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลในรอบสองวันนี้กว่า 1,000 คน ถือว่าจำนวนค่อนข้างมาก เตียง ICU ก็มีแนวโน้มจะใช้มากขึ้น รวมถึงสีเขียวต้องใช้มากขึ้น ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขประสบภาวะเหนื่อยล้า จึงต้องพยายามหามาตรการในการทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปกป้องกันโรค
ดังนั้น ที่ประชุม EOC จึงมีมติให้ใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ซึ่งเป็นชุดตรวจอย่างง่าย มีหลายการตรวจ ซึ่งมาตรการนี้ให้ทำทันที แต่ให้ทำในสถานพยาบาลที่ขึ้นไว้เท่านั้น และมีเตียงรองรับ หากให้ผลเป็นลบก็กลับบ้าน แต่หากให้ผลบวก หรือแพทย์มีความสงสัย ก็จะมีการตรวจซ้ำ RT-PCR เมื่อยืนยันผลเป็นบวกให้เข้าสู่ระบบการดูแลรักษาต่อไป สำหรับในอนาคตอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ใช้ชุดตรวจ rapid antigen test ที่บ้านได้ แต่ย้ำว่าตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินการในส่วนนี้
ทั้งนี้ มาตรการในข้อ 1 ต้องทำร่วมกับมาตรการดูแลตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) และการดูแลตัวเองในชุมชน (Community Isolation) โดยมีการจัดระบบการแพทย์เข้าไปดูแล มีการส่งเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด และปรอทวัดไข้ และมีระบบการติดตามอาการ หากอาการสีเหลืองให้เข้ารักษาในโรงพยาบาลต่อไป ในส่วนของผู้ป่วยอาการสีเขียวก็จะมีการปรับลดเกณฑ์การดูแลตัวเองที่บ้านจากเดิมที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ก็ให้อยู่เป็นครอบครัวได้ เป็นต้น นอกจากนี้ จะใช้กับผู้ป่วยที่แอดมิทในโรงพยาบาลตั้งแต่ 10 วันแล้ว หรือสั้นกว่านั้น ให้กับมาทำมาตรการดูแลตัวเองที่บ้านและชุมชน เพื่อให้ผู้ป่วยมีอาการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อไป
นอกจากนี้ มาตรการส่วนบุคคล ทั้งสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง ต้องทำอย่างเข้มข้น เรียกว่าบับเบิลแอนด์ซีลตัวเอง ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ขอให้งดรับประทานอาหารร่วมกัน เพราะสามารถแพร่ะระบาดได้ ขอให้ต่างคนต่างรับประทานสักระยะหนึ่งและอยากให้มีการเน้นการทำงานที่บ้าน (Work from home) ให้มากขึ้นเพื่อลดการแพร่ระบาดเชื้อต่อไป
การฉีดวัคซีนในพื้นที่เสี่ยง และกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรค ต้องใช้วัคซีน 80% ของที่มีฉีดให้กลุ่มนี้เพื่อลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิต โดย 1–2 สัปดาห์ต้องฉีดให้ได้มากกว่า 1 ล้านโดส โดยกระทรวงจะระดมบุคลากรมาช่วยฉีด
ทั้งนี้ การดำเนินการมาตรการดังกล่าว 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันในระยะฟักตัวของโรค ร่วมกับมาตรการฉีดวัคซีน และความร่วมมือของพี่น้องประชาชนก็จะลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงได้