ทีมโฆษก ศบค.เดินหน้า “โฮมไอโซเลชัน” 270 แห่งใน กทม. ขอ ปชช.ไม่มีพัดลม-เตียงฟูก ไม่สบายเหมือนเดิม ย้ำคงมาตรฐานความปลอดภัย-ปชช.เข้าสู่กระบวนการรักษาใกล้บ้านเร็วที่สุด
วันนี้ (8 ก.ค.) เวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค.รายงานเรื่องการบริหารจัดการเตียง โดยกำชับว่า จะต้องเร่งรัดจัดตั้งระบบ home isolation หรือ การแยกกับตัวอยู่ที่บ้าน ซึ่งกระบวนการจะเป็นการดำเนินการ โดยศูนย์บริการสาธารณสุขในสำนักงานเขต กทม.มี 69 แห่ง ร่วมกับคลินิกอบอุ่นอีก 201 แห่ง รวม 270 แห่ง ซึ่งจะต้องมีความปลอดภัยและมีข้อจำกัด เช่น การดูแลที่บ้านจะต้องมีการจ่ายยาตามความเหมาะสม รวมถึงใน 1-2 วันนี้ จะมีการเข้าระบบอย่างจริงจังตอนนี้ มีแค่สัดส่วนน้อย นอกจากนี้ มีการเร่งรัดเพิ่มการจัดตั้งคอมมูนิตี ไอโซเลชัน (Community isolation) หรือศูนย์พักคอยรอการส่งต่อ หรือโรงพยาบาลสนามในชุมชน ซึ่งเป็นการดำเนินการของแต่ละเขตในกรุงเทพฯ โดยมีโรงพยาบาลพี่เลี้ยงเป็นโรงพยาบาลหลักสนับสนุน ซึ่งต้องมีการดูในเรื่องของมาตรฐาน เนื่องจากโรงพยาบาลสนามบางจุด ต้องใช้เวลาหากมีจำนวนเตียง 100 เตียง หรือเกินจากนั้น ซึ่งตอนนี้เราเหมือนเข้าสู่ศึกสงคราม ดังนั้น จะให้เรียบร้อยทุกอย่างสมบูรณ์อาจจะทำไม่ได้ ฉะนั้น จะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ โดยยึดความปลอดภัยของผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเป็นหลัก และผู้ป่วยจะต้องเข้าสู่ระบบศูนย์พักคอยในชุมชนอย่างเร็วที่สุด และได้รับการดูแลใกล้ชิดจากบุคลากรทางสาธารณสุข
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่า เดิมจะต้องมีเตียงกระดาษและมีการจัดห้องน้ำ มีพัดลม แต่ตอนนี้ขอความเข้าใจประชาชนว่าอาจจะเป็นเตียงฟูก อาจจะไม่มีความสบาย ลดความสบายลงไปนิดหนึ่ง แต่จะต้องมีความปลอดภัย และบางชุมชนจัดเป็นโรงพยาบาลสนามเล็ก 10-20 เตียง ส่วนพักคอยในชุมชนสามารถทำได้ หลักการเมื่อตรวจเยอะ เจอผู้ป่วยเยอะ เราไม่อยากให้ผู้ป่วยคอยที่บ้าน ต้องเข้าสู่ระบบโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้มีการข้ามพื้นที่ จึงจำเป็นต้องจัดศูนย์พักคอยในชุมชน เพื่อให้เข้าสู่การรักษาใกล้บ้าน
