นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์ในสายการเงินและการลงทุนกว่า 19 ปี มั่นใจว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ในการยกระดับบริการให้คำแนะนำการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้มีความหลากหลายขึ้น และพร้อมรองรับธุรกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของลูกค้ากลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ
ทั้งนี้ กรุงศรีเชื่อมั่นว่า ลูกค้ากลุ่มกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาและยกระดับบริการสำหรับลูกค้ากลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธในทุกๆ มิติ ภายใต้แนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) อาศัยกระบวนการการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า (Customer Insights) ได้อย่างลึกซึ้ง และมุ่งเน้นการทำงานในรูปแบบ Segment Driven ให้มากขึ้น โดยการจัดกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้กรุงศรีมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างตรงจุด โดย กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank ธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้มากกว่า 15% ต่อปี และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ขึ้นกว่า 10% ต่อปี
ทั้งนี้ กรุงศรีเชื่อมั่นว่า ลูกค้ากลุ่มกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธ เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาและยกระดับบริการสำหรับลูกค้ากลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธในทุกๆ มิติ ภายใต้แนวคิดการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centricity) อาศัยกระบวนการการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data Analytics) เพื่อให้เข้าใจความต้องการของลูกค้า (Customer Insights) ได้อย่างลึกซึ้ง และมุ่งเน้นการทำงานในรูปแบบ Segment Driven ให้มากขึ้น โดยการจัดกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้กรุงศรีมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างตรงจุด โดย กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Investment Wealth Advisory Bank ธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ได้มากกว่า 15% ต่อปี และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ขึ้นกว่า 10% ต่อปี