xs
xsm
sm
md
lg

กรุงศรีตั้งเป้าลูกค้าเศรษฐี 1.3 แสนราย แนะจังหวะดีช้อนหุ้นช่วงปรับฐาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงศรีรุกจับกลุ่มคนรวยเพิ่มความมั่งคั่งตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเศรษฐีแตะ 1.3 แสนราย ดัน AUM รวม 8 หมื่นล้านบาท พร้อมแนะช้อนหุ้นเพิ่มช่วงปรับฐาน เชื่อระยะยาวยังเป็นขาขึ้น ส่วนลงทุนทางเลือกเน้นกองรีทในประเทศเหตุฟื้นตัวช้า

นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังที่ตนได้เข้ามารับตำแหน่งประมาณ 2 เดือน เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ในสายการเงินและการลงทุนกว่า 19 ปีของตนจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีมงานกรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ ในการยกระดับบริการให้คำแนะนำการลงทุน

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรุงศรีมีฐานลูกค้าในกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธอยู่ราวกว่า 120,000 ราย และภายในปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้ประมาณ 15% หรือ 10,000 ราย โดยมีเอยูเอ็มอยู่ที่ 80,000 ล้านบาท ซึ่งเราพยายามจะให้ความรู้แก่ลูกค้าเพื่อปรับเปลี่ยนการลงทุนจากเงินฝากอย่างเดียวมาเป็นการลงทุนตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนมากกว่าแต่มีความเสี่ยงในระดับเดียวกัน หรือการขยายการลงทุนไปยังหุ้นกู้และการลงทุนต่างประเทศมากขึ้นสำหรับผู้ที่เคยมีประสบการณ์ลงทุนในกองทุนตราสารหนี้มาแล้ว

นอกจากนี้ กรุงศรียังมีพันธมิตรที่มีมุมมองและความเชี่ยวชาญระดับโลกอย่างแบล็คร็อค (BlackRock) บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลกที่มีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งหมดจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและผสานความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการร่วมวิเคราะห์สถานการณ์และสร้างองค์ความรู้ ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ONE Krungsri Investment View

ส่วนน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสมในสถานการณ์ปัจจุบัน แบ่งเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ 20% การลงทุนในหุ้น 40-50% โดยการลงทุนในหุ้นจะแบ่งเป็นการลงทุนในหุ้นไทย 50% และหุ้นต่างประเทศ 50% ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนทางเลือกประมาณกว่า 20%

“การลงทุนในหุ้นไทยถือว่ายังน่าสนใจ โดยหากครึ่งปีหลังดัชนีมีแนวโน้มปรับตัวได้ถึง 1,700 ก็น่าจะทำให้หุ้นไทยพอมีอัปไซด์อยู่ ส่วนหุ้นต่างประเทศเราค่อนข้างให้น้ำหนักหุ้นยูโรปซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่หุ้นสหรัฐฯ ราคาค่อนข้างจะแพงไปในขณะนี้ ส่วนการลงทุนทางเลือก สินทรัพย์ที่น่าสนใจคืออสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนรีท โดยเฉพาะกองทุนรีทในไทยเนื่องจากมีการฟื้นตัวช้ากว่ากองรีทในต่างประเทศ โดยต่อจากนี้น่าจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”

นายวินกล่าวอีกว่า แนวโน้มการลงทุนหุ้นในช่วงครึ่งปีหลังอาจมีความผันผวน แต่น่าจะเป็นความผันผวนในระยะสั้นจากข่าว เช่น การทยอยออกจากมาตรการ QE และการระบาดรอบใหม่ขอโควิด-19 ซึ่งในระยะยาวเชื่อว่าหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนและสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก โดยการปรับตัวลดลงของหุ้นไทยและต่างประเทศถือเป็นโอกาสดีของนักลงทุนในการเข้าลงทุนเพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น