นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากกรณีการแพร่ระบาดและการติดเชื้อโควิด-19 ภายหลังเปิดภาคเรียนเมื่อวันที่ 14 มิถุนาย ที่ผ่านมา ในหลายจังหวัด เบื้องต้นพบว่าเด็กนักเรียนที่ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่ติดจากบุคคลในครอบครัว ซึ่งหากพ่อแม่มีความเสี่ยงสูง หรือเป็นผู้แยกกักตัว ต้องอยู่ร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ทั้งเด็ก ผู้มีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุภายในบ้านต้องสร้างเกราะป้องกัน 3 ด้าน เพื่อลดการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ ได้แก่ ด้านสาธารณะ ให้หยุดงานไม่ออกไปนอกบ้านหรือที่พักอาศัย ไม่เดินทางไปที่ชุมชนหรือที่สาธารณะอย่างน้อย 14 วัน เลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดบุคคลอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร หากทำไม่ได้หรือมีพื้นที่จำกัด ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ส่วนด้านอาหาร ต้องกินอาหารที่มีประโยชน์ ปรุงสุก สะอาด พักผ่อนให้เพียงพอและควรแยกการกินอาหารร่วมกัน ถ้าสั่งอาหารแบบเดลิเวอรีให้จัดเตรียมภาชนะรองรับอาหาร เช่นกล่องหรือโต๊ะแบบพับได้ สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อออกมารับอาหาร และให้ยืนห่างจากผู้ขนส่งอาหารอย่างน้อย 1 เมตร ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ หลังการรับอาหารจากคนขนส่งอาหาร และควรจ่ายค่าบริการโดยวิธี E-Payment หรือเตรียมเงินสดให้พอดี เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินทอน
ขณะที่ด้านสุขอนามัย ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา กรณีการใช้ห้องน้ำ หากเป็นไปได้แยกใช้ห้องน้ำห้องส้วมออกจากผู้อื่น แต่หากไม่สามารถแยกห้องได้ ให้ผู้อื่นใช้ห้องน้ำก่อน และทำความสะอาดให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ ในส่วนสถานศึกษาที่ยังเปิดให้มีการเรียนการสอนขอให้คุมเข้มตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่การจัดการเรียนการสอนภายใต้ความปลอดภัย การตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิในร่างกายเด็กนักเรียนทุกคนก่อนเข้าเรียน ให้เด็กล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน ลดความแออัดในห้องเรียน และประเมินความเสี่ยงผ่านระบบ ไทยเซฟไทย ก่อนออกจากบ้านทุกวัน รวมทั้งให้แต่ละสถานศึกษาพิจารณารูปแบบการเรียนตามความเหมาะสม จนกว่าสถานการณ์โควิดจะคลี่คลายลงเพื่อความปลอดภัยของครูผู้สอน และตัวนักเรียน