นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการพบคลัสเตอร์คนงานโรงงานน้ำแข็งติดโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดชลบุรี กรมอนามัยจึงขอความร่วมมือให้โรงงานน้ำแข็งทุกแห่งต้องยกระดับมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคโควิด-19 ด้วยการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานก่อนมาทำงานในระดับเข้มข้น โดยเจ้าของโรงงานต้องประเมินผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus ส่วนคนงานให้ประเมินตนเองผ่านเว็บไซต์ "ไทยเซฟไทย" ก่อนเข้ามาทำงานทุกวัน จะลดโอกาสที่จะปนเปื้อนเชื้อโควิค-19 ได้ รวมทั้งต้องลดความแออัดบริเวณที่ปฏิบัติงาน ต้องมีสุขลักษณะส่วนบุคคลของผู้ปฏิบัติงาน เช่น การล้างและฆ่าเชื้อที่มือ และเปลี่ยนรองเท้าที่จะปฏิบัติงาน ไม่วางน้ำแข็งกับพื้น การล้างและฆ่าเชื้อระบบผลิตน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของที่พักคนงาน ให้หลีกเลี่ยงการรวมกลุ่ม ควบคุมความสะอาดของที่พักให้ได้มาตรฐาน หากมีรถรับ-ส่ง ต้องไม่ให้แออัด ต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกคนและทุกครั้ง หมั่นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในรถเป็นประจำ
สำหรับผู้บริโภค ควรเลี่ยงการซื้อน้ำแข็งโม่หรือน้ำแข็งบดมาบริโภค เนื่องจากในกระบวนการผลิต ตั้งแต่การถอดซองออกมาเป็นก้อนน้ำแข็ง การตัดเป็นก้อนเล็กๆ จนถึงการโม่ บด บรรจุใส่ถุงหรือกระสอบเพื่อส่งขาย มีโอกาสสัมผัสกับคนงาน สิ่งแวดล้อม ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำแข็ง ควรเลือกซื้อน้ำแข็งหลอดบรรจุถุงปิดสนิท มีเลขสารบบอาหาร (อย.) ชัดเจนแทน จะมั่นใจและปลอดภัยกว่า เพราะมีกระบวนการทำให้น้ำเป็นน้ำแข็งภายในเครื่องผลิตน้ำแข็งหลอดเป็นระบบปิด ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่ดีในการผลิตอาหาร (Good Manufacturing Practice หรือ GMP) ซึ่งจะไม่มีคนงานเข้าไปเกี่ยวข้องจนกว่าจะบรรจุเสร็จ
ส่วนร้านขนมหวาน ร้านน้ำแข็งใส หรือร้านเครื่องดื่มประเภทที่ต้องชงใส่น้ำแข็ง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคโควิด-19 ที่มาจากโรงงานน้ำแข็งนั้น ควรงดใช้น้ำแข็งชนิดโม่หรือบด ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำแข็งหลอดแทน ส่วนร้านอาหาร แผงลอย รถเร่ ที่นำน้ำแข็งโม่หรือบดมาใช้แช่อาหารสด เช่น เนื้อหมู ไก่ กุ้ง ปลา ควรนำอาหารมาบรรจุในถุงพลาสติกก่อนแล้วแช่โดยใช้น้ำแข็งกลบให้ทั่ว ไม่ควรให้น้ำแข็งสัมผัสกับอาหารโดยตรง นอกจากจะลดการปนเปื้อนเชื้อโรคต่างๆ ได้แล้ว ยังรักษาคุณภาพหรือสภาพของอาหารให้คงเดิมได้ดีกว่าด้วย