นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ได้มีตัวแทนชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลช้างเผือก จ.เชียงใหม่ เดินทางมาร้องเรียนขอให้ทางสมาคมฯ ช่วยเหลือ เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม จากหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อันสืบเนื่องมาจากการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติของเทศบาลที่ปล่อยให้มีผู้ละเมิดกฎหมายในพื้นที่มากมาย แต่กลับไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดหลายกรณี
ทั้งนี้ มูลเหตุสำคัญเกิดขึ้นในพื้นที่เทศบาลตำบลช้างเผือกได้เข้ามาปรับปรุงซอยทางเดินภายในพื้นที่ซึ่งมีความกว้างไม่ถึง 3 เมตร ซึ่งโดยหลักการแล้วท้องถิ่นไม่สามารถนำงบประมาณมาดำเนินการในซอยที่มีความกว้างไม่ถึง 3 เมตรได้ แต่เพื่อไม่ให้ขัดต่อกฎหมาย จึงอาจมีการเทคอนกรีตขยายทางรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งเทศบาลอ้างว่าเจ้าของที่ดินเดิมในอดีตเคยยกในส่วนที่รุกล้ำให้เป็นทางสาธารณะด้วยปากเปล่ามาตั้งแต่ปี 2540 แล้ว แต่ไม่มีหลักฐานปรากฏว่า ได้ไปทำนิติกรรมต่อสำนักงานที่ดินเพื่อตัดแบ่งออกไปแต่อย่างใด ก่อนที่ที่ดินนั้นจะเปลี่ยนมือไปยังเจ้าของที่ดินรายใหม่ แต่ผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวแจ้งว่าในการซื้อขายที่ดินดังกล่าว เจ้าของที่ดินเดิมไม่เคยบอกกล่าวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ดินในขณะทำนิติกรรมซื้อขายเลยว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวบางส่วนได้ยกให้ทางเทศบาลไปแล้ว ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายระหว่างผู้ให้กับเทศบาล และต่อมาเจ้าของที่ดินรายใหม่พยายามสร้างรั้วในที่ดินของตน แต่ทางเทศบาลห้ามสร้าง โดยอ้างว่าขัดต่อกฎหมายควบคุมอาคาร จนกระทั่งเกิดเป็นข้อพิพาทฟ้องร้องเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินกันหลายคดี
เมื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเป็นที่สงสัยว่า เหตุใดทำไมเทศบาลจึงอยากที่จะเข้ามาพัฒนาเส้นทางดังกล่าว ทั้งๆ ที่ในเขตเทศบาลตำบลช้างเผือกยังมีพื้นที่ถนน และซอยที่ยังต้องการให้เทศบาลเข้าไปพัฒนาอีกมายมาย แต่กลับมาพัฒนาพื้นที่ที่เป็นซอยแคบและเป็นซอยตัน ก็พบความจริงว่า ในซอยดังกล่าวมีบ้านพักอาศัยของนักการเมืองใหญ่ในท้องถิ่นชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่สร้างอยู่ และมีหอพักของนายทุนให้เช่าเปิดทำการอยู่ ซึ่งอาจเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มคนดังกล่าว ที่สำคัญอาคารหอพักดังกล่าวมีการร้องเรียนไปยังเทศบาลว่าอาจสร้างอย่างผิดกฎหมาย ไม่เป็นไปตาม พรบ.ควบคุมอาคาร 2522 แต่ทางเทศบาลกลับเพิกเฉยไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดแต่อย่างใด
กรณีดังกล่าวยังพบข้อพิรุธและพยานหลักฐานอีกหลายประการ ที่สะท้อนให้เห็นถึงการใช้อำนาจของเทศบาลที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ อีกทั้งยังมีบุคคลและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย ที่ร่วมกันทำเอกสารอันเป็นเท็จ ซึ่งทางสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำไปสู่การยื่นร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ และหรือฟ้องร้องต่อศาลต่อไป