xs
xsm
sm
md
lg

แสงแห่ง"ธรรมราชา"ถักทอร้อยรักระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ กับพสกนิกรทุกเชื้อชาติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นับตั้งแต่พระราชพิธีบรมราชาภิเษกระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม พุทธศักราช 2562 ที่ปวงพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้ซาบซึ้งใจกับพระราชกรณียกิจด้านการศานาขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก ทรงเจริญรอยตามสมเด็จบูรพมหากษัตริยาธิราช แห่งมหาจักรีราชวงศ์ทุกพระองค์ อันแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงในผืนแผ่นดินไทย ผ่านพระราชกรณียกิจด้านการศาสนาที่พระองค์ทรงปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างเรื่อยมา อันเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยทุกหมู่เหล่า อีกทั้งทรงดำเนินพระราชกรณียกิจต่างๆ อันเป็นประโยชน์โดยตรงแก่พสกนิกรของพระองค์ โดยไม่ทรงถือความแตกต่างในด้านศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์แต่ประการใด

ภาพความแออัด คับแคบ เบียดเสียดของเหล่าพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมุสลิม จ.นครศรีธรรมราช ในการมาปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดกลาง อันตั้งอยู่บนพื้นที่หมู่ 3 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่มีขนาดพื้นที่จำนวน 7 ไร่ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรองรับชาวไทยเชื้อสายมุสลิม ทั้งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และชาวไทยเชื้อสายมุสลิมที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังสถานที่ใกล้เคียง และมาทำพิธีละหมาดในมัสยิด

ครั้นภาพความเดือดร้อนของพสกนิกรในพระองค์ทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน 4,500,000 บาท ให้แก่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสมทบทุนในการจัดซื้อที่ดินของมัสยิดกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เพิ่มเติม เป็นเนื้อที่จำนวน 7 ไร่ 53.5 ตารางวา เพื่อให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายมุสลิม ได้มีพื้นที่เพิ่มในการปฏิบัติศาสนกิจ การประกอบกิจกรรมทางศาสนา และเป็นแหล่งการเรียนการสอนด้านศาสนาของประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง

พยูร มาลา รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช เล่าถึงความเป็นมาของมัสยิดกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า แม้ในจังหวัดนครศรีธรรมราช จะมีมัสยิดประจำหมู่บ้านตำบลต่างๆ ถึง 127 แห่งแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ในปีพุทธศักราช 2518 จึงได้มีการดำเนินการจัดสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัดขึ้นมาบนพื้นที่ 7 ไร่เศษ ซึ่งได้มีการเปิดทำการอย่างเป็นทางการเมื่อปี พุทธศักราช 2560

"หลังจากสร้างมัสยิดกลางเสร็จ ก็ได้มีการเปิดทำการในปี 2560 แต่เนื่องจากชาวไทยเชื้อสายมุสลิมในจังหวัดที่มีมากขึ้น รวมถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นศูนย์กลางของการเดินทางไปท่องเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเชื้อสายมุสลิมแวะเวียนมาประกอบศาสนกิจที่นี้อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่แห่งนี้ดูคับแคบและเล็กลงไปถนัดตา ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดฯ จึงมีแนวคิดที่จะขยับขยายมัสยิดให้มีขนาดเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจดำเนินการจัดซื้อที่ดินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกันเพิ่มอีก 7 ไร่ 53.5 ตารางวา โดยใช้เงิบประมาณด่อสร้างทั้งหมดจำนวน 9,000,000 บาท"

เมื่อมีแผนการก่อสร้างมัสยิดแห่งใหม่เพื่อให้เป็นศูนย์รวมใจของคนในจังหวัด ทางคณะกรรมการฯ จึงได้มีการขอรับบริจาคจากชาวไทยเชื้อสายมุสลิมในจังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยความพร้อมเพรียงกันของคนในพื้นที่ จึงสามารถระดมทุนได้ถึง 4,500,000 บาท แต่กระนั้นก็ยังไม่เพียงพอต่อการจัดสร้าง เพราะยังเหลือค่าที่ดินอีกถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งยังมีไม่เพียงพอสำหรับการจ่ายค่าที่ดิน

กระทั่งภาพความเดือดร้อนใจในการดำเนินการจัดสร้างสิ่งปลูกสร้างมัสยิดกลาง จ.นครศรีธรรมราช ทราบยังฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานพระราชทรัพย์จำนวน 4,500,000 บาท สำหรับการจ่ายค่าที่ดิน

เงินพระราชทานจำนวนนี้เปรียบดั่งสายธารแห่งพระมหากรุณาธิคุณที่มาปลอบประโลมให้หัวใจชาวไทยเชื้อสายมุสลิมให้ร่มเย็นมีกำลังใจที่เข็มแข็ง ได้มีสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนาอันเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

"วันที่ทราบข่าวว่าในหลวงจะพระราชทานเงินอีกครึ่งที่เหลือในการจัดซื้อที่ดิน พวกเราไทยเชื้อสายมุสลิมทุกคนดีใจและซาบซึ้งสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะตอนนั้นพวกเราทุกคนก็มืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนไปจ่ายค่าที่ดิน วันนั้นพอทราบข่าวดีนี้หัวใจพวกเราทุกคนพองโต และมีความสุขที่สุดไม่มีแผ่นดินไหนที่อยู่แล้วมีความสุขที่สุดเหมือนแผ่นดินไทย เพราะเรามีพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ที่ทรงรักพสกนิกรของพระองค์ทุกหมู่เหล่าทุกเชื้อชาติศานาอย่างเท่าเทียมกัน"

นับเป็นสายธารแห่งพระมหากรุณาธิคุณของปวงพสกนิกรชาวไทย ที่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรัก ทรงสานต่อและถักทอสานใยความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ ศาสนา อยู่ร่วมกันได้อย่างสมานฉันท์และร่มเย็นภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร