xs
xsm
sm
md
lg

ในหลวง โปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างรถชีวนิรภัยเพิ่ม 7 คัน สู้โควิด-19

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

นับเป็นความโชคดีของปวงพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่แผ่นดินไทยมีพระมหากษัตริย์ และพระราชินีคู่บุญบารมี ที่ทรงเคียงข้างพสกนิกรเรื่อยมา แม้ในยามที่ประเทศชาติต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์ ภัยพิบัติต่างๆ จะได้พระราชทานความช่วยเหลือดังเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งแก่หัวใจของปวงชนชาวไทยผ่านพระการทรงงานและปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ ท่ามกลางความเดือดร้อนแสนสาหัสของพสกนิกรชาวไทยทั่วทั้งประเทศที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แพร่กระจายไปทั่วโลก และประเทศไทย ทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งด้านเศษฐกิจ การเงิน การธนาคาร สังคม แรงงาน ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งความเป็นอยู่และสุขภาพประชาชน ที่ต้องอยู่บนความหวาดวิตก แม้จะยังไม่เห็นจุดสิ้นสุดของวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ด้วยสายวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่แพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างใกล้ชิด และต้องเตรียมพร้อมตลอดเวลา ถ้ามีการแพร่ระบาดซ้ำสอง จึงได้พระราชทาน "โครงการเครื่องช่วยหายใจและเครื่องมือแพทย์พระราชทาน" เพื่อช่วยปกป้อง ทั้งทีมบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนได้ฉับไวทันท่วงที

อีกหนึ่งพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันสะท้อนให้เห็นถึงการทรงมีพระราชวิสัยทัศน์กว้างไกล และทรงคำนึงถึงความยากลำบากของราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารและในพื้นที่แออัดให้สามารถเข้ารับการบริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา2019 ได้อย่างรวดเร็ว จึงได้พระราชทาน "รถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย" จำนวน 13 คัน เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พุทธศักราช 2563 เพื่อกระทรวงสาธารณสุขนำไปใช้ประโยชน์ ณ สำนักงานเขตสุขภาพ ที่ 1-12 ทั่วประเทศ และเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่กระทรวงสาธารณสุข ดูแลรับผิดชอบเพื่อใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่ในการเก็บตัวอย่างโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น โรงเรียน วัด ชุมชนแออัด และกลุ่มอาชีพเสี่ยงทั่วประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการเฝ้าระวังและค้นหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เชิงรุก ประกอบกับเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดรอบใหม่อีกครั้งในประเทศไทย และมีแนวโน้มขยายวงกว้างไปทั่วประเทศ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดสร้างรถชีวนิรภัยเพิ่มเติมอีกจำนวน 7 คัน รวมเป็น 20 คัน ซึ่งจะช่วยตรวจหาเชื้อเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของประชาชน

นับตั้งแต่ที่ได้พระราชทานรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยจนถึงปัจจุบัน รถพระราชทานคันดังกล่าว ได้ขับเคลื่อนส่งต่อน้ำพระราชหฤทัยเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่คนไทยทั่วประเทศ ด้วยปฏิบัติการตรวจบุคคลทั่วไป และกลุ่มเสี่ยงแบบเชิงรุกแล้วกว่า 60,000 ราย โดยรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย พระราชทาน ได้เข้าถึงชุมชน ควบคุมการแพร่ระบาดได้รวดเร็ว เช่น ตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรค เช่น จังหวัดระยอง สมุทรสาคร นครปฐม เชียงใหม่ ตาก นครศรีธรรมราช เชียงราย พิจิตรนครสวรรค์ และกรุงเทพมหานคร เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน โดยประสิทธิภาพการทำงานแบบเชิงรุกของรถคันดังกล่าว จึงทำให้สามารถปฏิบัติการเชิงรุกตรวจหาเชื้อได้อย่างรวดเร็ววันละประมาณ 2,000 คน ด้วยรถที่มีขนาดกระทัดรัด เพราะถูกดัดแปลงจากรถกระบะตอนเดียวรุ่น 4x2 2.4J ระบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะด้านหลังดัดแปลงเป็นตู้สําหรับใช้เก็บตัวอย่างที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานของ Center for Disease Control and Prevention (CDC) ประเทศสหรฐัอเมริกา สามารถใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ (ต่อจากไฟบ้านได้โดยตรง มีเครื่องกําเนิดไฟฟ้าสำหรับปั่นกระแสไฟฟ้าได้ กรณีเข้าปฏิบัติการในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า สามารถปฏิบัติงานได้ไม่น้อยกว่า 5 ชั่วโมง" รถคันดังกล่าว จึงสามารถขับเข้าไปจอดได้ทุกตรอกซอกซอย แม้ในพื้นที่ทุรกันดารที่ยากต่อการเข้าถึง ส่วนภายในรถนั้น มีระบบการทํางานที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเก็บตัวอย่างโดยป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างผู้รับบริการและผู้ให้บริการ

ทั้งนี้ ห้องปฏิบัติการนั้น จะเป็นระบบคลีนรูมที่ออกแบบโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้ปฎิบัติงานได้รับการปกป้อง โดยระบบของตัวห้องขณะปฏบัติการ และมีการรออกแบบการเก็บรักษาและปกป้องตัวอย่างจนส่งถึงห้องปฏิบัติการรวมถึงมีระบบ Application สนับสนุนการลงทะเบียนและรายงานผลรวมถึงการบริหารจัดการฐานข้อมูลเพื่อใช้ในการประเมินผลและควบคุมโรคของภาครัฐ ด้วยสายพระเนตรอันทอดยาวและน้ำพระราชหฤทัยตั้งมั่นแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของอาณาราษฎรในพระองค์ทุกหมู่เหล่า ดังพระราชปณิธานที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ดั่งพระราชปณิธานที่ว่า "ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"