นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง "ลุงตู่จบ คนโกงรอด" กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,113 ตัวอย่าง พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 61.2 รับรู้ข่าวที่ไม่ดีมาก ต่อนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในขณะที่ร้อยละ 38.8 รับรู้ข่าวดีมากต่อนายกรัฐมนตรี
ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.8 รู้สึกแย่ ที่ติดต่อราชการ กับเจ้าหน้าที่รัฐของส่วนราชการต่างๆ เพราะ เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลยปัญหา ร้องเรียนไปก็เท่านั้น ไม่จริงจังช่วยเหลือราษฎร เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ในขณะที่ร้อยละ 96.1 ระบุ ระบบเงินใต้โต๊ะ ฟอกตัวแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้นเหตุโควิดรอบใหม่ นอกจากนี้ ร้อยละ 95.5 ระบุ ต้นตอปัญหาวิกฤตชาติที่จริง อยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐและส่วนราชการปล่อยปละละเลยหน้าที่ ร้อยละ 93.8 ระบุ มีการเรียกรับผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ อยู่ทั่วไป และร้อยละ 91.2 ระบุ มีการซื้อขายตำแหน่งกันจริง เช่น 400 ล้านบาท กับตำแหน่งระดับสูงของกระทรวง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.8 ต้องการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองระดับสูงสุดถึงระดับสูงจัดการ กวาดให้เรียบ ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลย เรียกรับผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ ซื้อขายตำแหน่ง ในขณะที่ร้อยละ 97.4 ต้องการให้มีการชำระระบบราชการ ปฏิรูปการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนราชการต่างๆ ล่าช้า แก้ปัญหาเดือดร้อนของราษฎร เรียกรับผลประโยชน์ก่อนเร่งช่วยเหลือราษฎร และส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 86.9 สนับสนุนการรวมตัวของกลุ่มราษฎร คนรุ่นใหม่ นักรบคีย์บอร์ดทั้งหลายจัดการเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ เกียร์ว่าง เรียกรับผลประโยชน์ ซื้อขายตำแหน่ง ไม่กระตือรือร้นช่วยราษฎร
นายนพดล กล่าวว่า "ลุงตู่จบ คนโกงรอด" เป็นเสียงของกลุ่มราษฎรในผลโพลนี้ที่ชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมาลุงตู่ หรือนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว กลายเป็นจุดรับห่ากระสุนหรือขีปนาวุธของอารมณ์ผู้คนในสังคมไปลงที่ตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่หลายๆ ปัญหาเป็นเรื่องที่มีต้นตอวิกฤตเกิดจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ เกิดจากการปล่อยปละละเลย เกิดจากระบบเงินใต้โต๊ะของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการในหลายส่วนราชการที่ไม่ทำหน้าที่อย่างเข้มงวดจนกลุ่มราษฎรเดือดร้อนทุกข์ยากไปทั่วทั้งประเทศ
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการจำนวนไม่น้อยกลับกลายเป็นคนที่หลบอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย (Safety Zone) ไม่ได้ยื่นอก ไม่ได้ยื่นตัวออกมารองรับอารมณ์ของสังคมเหมือนกับนายกรัฐมนตรี และยิ่งไปกว่านั้น ระบบเงินใต้โต๊ะ การซื้อขายตำแหน่ง ยังมีอยู่ทั่วไปในการรับรู้ของกลุ่มราษฎร จึงจำเป็นต้องใช้ยุทธการ "กวาดให้เรียบ" เช่นกัน เพื่อนายกรัฐมนตรีจะไม่ต้องมาเจ็บอยู่คนเดียว เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการจะหลบอยู่ในที่ๆ พวกเป็นสุข ปลอดภัยต่อไปไม่ได้ ต้องออกมาร่วมทุกข์ปลดแอกให้กลุ่มราษฎรร่วมกัน ผลที่ตามมา คือ ลุงตู่ หรือนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เข้าสู่โหมด "เดือนข้างขึ้น" ฉายแสงสว่างนวลๆ ให้ประชาชนทั้งประเทศอุ่นใจ ได้เห็นเส้นทางชีวิตที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างมีความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ น่าจะเป็นการออกแบบ "ยุทธศาสตร์ทางออก" (Exit Strategy) ที่ดีได้ทางหนึ่ง คือ ก่อนจบเกมสงครามอารมณ์ของคนไทย นายกรัฐมนตรีควรกวาดให้เรียบขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกียร์ว่าง ปรับปรุงให้เกิดความกระตือรือร้น ทำหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต จะได้เปลี่ยนจากการรับรู้ (Perception) ของกลุ่มราษฎรเป็นความทรงจำ (Remarkable) ของคนรุ่นต่อรุ่นได้สรรเสริญต่อๆ กันไป
ที่น่าพิจารณา คือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.8 รู้สึกแย่ ที่ติดต่อราชการ กับเจ้าหน้าที่รัฐของส่วนราชการต่างๆ เพราะ เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลยปัญหา ร้องเรียนไปก็เท่านั้น ไม่จริงจังช่วยเหลือราษฎร เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ในขณะที่ร้อยละ 96.1 ระบุ ระบบเงินใต้โต๊ะ ฟอกตัวแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้นเหตุโควิดรอบใหม่ นอกจากนี้ ร้อยละ 95.5 ระบุ ต้นตอปัญหาวิกฤตชาติที่จริง อยู่ที่เจ้าหน้าที่รัฐและส่วนราชการปล่อยปละละเลยหน้าที่ ร้อยละ 93.8 ระบุ มีการเรียกรับผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ อยู่ทั่วไป และร้อยละ 91.2 ระบุ มีการซื้อขายตำแหน่งกันจริง เช่น 400 ล้านบาท กับตำแหน่งระดับสูงของกระทรวง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 98.8 ต้องการให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองระดับสูงสุดถึงระดับสูงจัดการ กวาดให้เรียบ ข้าราชการใส่เกียร์ว่าง ปล่อยปละละเลย เรียกรับผลประโยชน์ เงินใต้โต๊ะ ซื้อขายตำแหน่ง ในขณะที่ร้อยละ 97.4 ต้องการให้มีการชำระระบบราชการ ปฏิรูปการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนราชการต่างๆ ล่าช้า แก้ปัญหาเดือดร้อนของราษฎร เรียกรับผลประโยชน์ก่อนเร่งช่วยเหลือราษฎร และส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 86.9 สนับสนุนการรวมตัวของกลุ่มราษฎร คนรุ่นใหม่ นักรบคีย์บอร์ดทั้งหลายจัดการเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ เกียร์ว่าง เรียกรับผลประโยชน์ ซื้อขายตำแหน่ง ไม่กระตือรือร้นช่วยราษฎร
นายนพดล กล่าวว่า "ลุงตู่จบ คนโกงรอด" เป็นเสียงของกลุ่มราษฎรในผลโพลนี้ที่ชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมาลุงตู่ หรือนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะด้วยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว กลายเป็นจุดรับห่ากระสุนหรือขีปนาวุธของอารมณ์ผู้คนในสังคมไปลงที่ตัวนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่หลายๆ ปัญหาเป็นเรื่องที่มีต้นตอวิกฤตเกิดจากการไม่ปฏิบัติหน้าที่ เกิดจากการปล่อยปละละเลย เกิดจากระบบเงินใต้โต๊ะของเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการในหลายส่วนราชการที่ไม่ทำหน้าที่อย่างเข้มงวดจนกลุ่มราษฎรเดือดร้อนทุกข์ยากไปทั่วทั้งประเทศ
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการจำนวนไม่น้อยกลับกลายเป็นคนที่หลบอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย (Safety Zone) ไม่ได้ยื่นอก ไม่ได้ยื่นตัวออกมารองรับอารมณ์ของสังคมเหมือนกับนายกรัฐมนตรี และยิ่งไปกว่านั้น ระบบเงินใต้โต๊ะ การซื้อขายตำแหน่ง ยังมีอยู่ทั่วไปในการรับรู้ของกลุ่มราษฎร จึงจำเป็นต้องใช้ยุทธการ "กวาดให้เรียบ" เช่นกัน เพื่อนายกรัฐมนตรีจะไม่ต้องมาเจ็บอยู่คนเดียว เจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการจะหลบอยู่ในที่ๆ พวกเป็นสุข ปลอดภัยต่อไปไม่ได้ ต้องออกมาร่วมทุกข์ปลดแอกให้กลุ่มราษฎรร่วมกัน ผลที่ตามมา คือ ลุงตู่ หรือนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้เข้าสู่โหมด "เดือนข้างขึ้น" ฉายแสงสว่างนวลๆ ให้ประชาชนทั้งประเทศอุ่นใจ ได้เห็นเส้นทางชีวิตที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างมีความสุขในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ น่าจะเป็นการออกแบบ "ยุทธศาสตร์ทางออก" (Exit Strategy) ที่ดีได้ทางหนึ่ง คือ ก่อนจบเกมสงครามอารมณ์ของคนไทย นายกรัฐมนตรีควรกวาดให้เรียบขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐที่เกียร์ว่าง ปรับปรุงให้เกิดความกระตือรือร้น ทำหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต จะได้เปลี่ยนจากการรับรู้ (Perception) ของกลุ่มราษฎรเป็นความทรงจำ (Remarkable) ของคนรุ่นต่อรุ่นได้สรรเสริญต่อๆ กันไป