วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่สำนักงาน กกต. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ได้อัดคลิปคำพูดของตนเองโพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ชื่อ Thaksin Shinawatra เมื่อวันพุธที่ 16 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่พรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งวันที่ 20 ธ.ค.นี้อย่างเปิดเผยนั้น
ทั้งนี้ นายทักษิณ เป็นนักโทษตามคำพิพากษาของศาล แต่หลบหนีการลงโทษไปอยู่ต่างประเทศ จึงมิได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ ที่จะต้องนำไปคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัครตามกฎหมายแต่อย่างใด และถือว่าเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ตาม ม.39 และเป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติที่จะมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตาม ม.49 แห่งพรบ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 อีกทั้งตาม ม.65 ของกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครอื่น หรือการชักชวนให้ไป ลงคะแนนไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ด้วยวิธีการสัญญาว่าจะให้ประโยชน์อื่นใดไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่บุคคล หรือชุมชน ฯลฯ ซึ่งอาจมีความผิดตาม ม.126 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปีด้วย
ดังนั้นการที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ และพรรคเพื่อไทย ยินยอมให้นายทักษิณ ซึ่งเป็นบุคคลที่มิใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย มาช่วยหาเสียงดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายฝ่าฝืน ม.28 และ ม.29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 อีกฐานความผิดหนึ่งด้วย ซึ่งอาจเป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคและลงโทษได้ตาม ม.92(3) และ ม.108 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความพร้อมพยานหลักฐานที่เป็นคลิปช่วยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร มามอบให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อประกอบในคำร้องของสมาคมฯที่ยื่นไปก่อนหน้านี้ เพื่อดำเนินการไต่สวนและสอบสวน เพื่อดำเนินการเอาผิดผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวหากพบว่าเป็นการฝ่าฝืนจริง และเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคเพื่อไทยต่อไป