นางโสรดา เลิศอาภาจิตร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจนิติบุคคลทั่วประเทศประจำเดือนตุลาคม 2563 เป็นยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 5,396 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 6 หรือลดลง 355 ราย มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 43,746 ล้านบาท โดยธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 504 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 262 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจบริการด้านอาหารในภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 164 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนตุลาคม 2563 มีจำนวน 2,057ราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 3 หรือลดลง 59 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 12,450 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยประเภทของธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 159 ราย คิดเป็นร้อยละ 8 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 110 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 64 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 เป็นต้น
ส่งผลให้ยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ต.ค.63) มียอดทั้งสิ้น 55,574 ราย ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 12 หรือลดลง 7,785 ราย ขณะที่ยอดเลิกกิจการในช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.63) มียอดทั้งสิ้น 12,450 ราย ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาร้อยละ 12 หรือลดลง 1,620 ราย ส่งผลให้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2563 มีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 770,087 ราย มูลค่าทุน 18.63 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,327 ราย คิดร้อยละ เป็น 24.32 บริษัทจำกัด จำนวน 581,481 ราย คิดเป็น ร้อยละ 75.51 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,279 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ
ทั้งนี้ แม้ว่าตัวเลขยอดจดทะเบียนตั้งใหม่ตลอดช่วง 10 เดือนของปีนี้ ลดลงมาจากปัจจัยหลักผลกระทบโควิด-19 หลายเดือนที่ผ่านมาทำให้การดำเนินกิจการต่างๆ ไม่ได้เต็มที่มากนัก แต่ประเทศไทยมีมาตรการดูแลปัญหาโควิด-19 อย่างเข้มงวด ได้เป็นอย่างดี และได้ผ่อนคลายให้ธุรกิจในด้านต่างๆ กลับมาดำเนินกิจการได้มากขึ้น ทำให้หลายธุรกิจหันมาประกอบกิจการเพิ่มเติม ส่งผลให้ยอดการจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะติดลบเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาก็ตาม ประกอบกับแนวนโยบายของรัฐบาลที่มีการส่งเสริมภาคธุรกิจในบางประเภท ทั้งด้านการท่องเที่ยว ภาคธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และอื่นๆ ทำให้ยอดจดทะเบียนรายเดือนเกินกว่า 5,000 รายขึ้นไป จึงเชื่อว่ายอดจดทะเบียนทั้งปีน่าจะเกินกว่า 60,000-64,000 รายขึ้นไป