นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนมีนาคม 2563 และไตรมาส 1/2563 โดยเดือนมี.ค.2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 6,066 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 24,576 ล้านบาท ด้าน ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ จำนวน 974 ราย มูลค่า 4,529 ล้านบาท ส่วนธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน762,229 ราย มูลค่าทุน 18.56 ล้านล้านบาท
สำหรับ ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 579 ราย คิดเป็น ร้อยละ 10 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 370 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร จำนวน 157 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
ส่วนธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 4,347 ราย คิดเป็นร้อยละ 71.66 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 1,597 ราย คิดเป็นร้อยละ 26.33 ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 109 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.80 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 13 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.21 ตามลำดับ สำหรับธุรกิจเลิกประกอบกิจการ จำนวน 974 ราย มูลค่า 4,529 ล้านบาท
สำหรับ ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ เดือนมีนาคม 2563 จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนมีนาคม 2563 มีจำนวน 947 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 4,529 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 83 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 60 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 31 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
ส่วน ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 615 ราย คิดเป็นร้อยละ 64.94 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 287 ราย คิดเป็นร้อยละ 30.31 ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 41 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.33 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.42 ตามลำดับ
ในส่วน ธุรกิจจัดตั้งใหม่ในช่วงไตรมาส 1/2563 จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ ไตรมาส 1/2563 (ม.ค.-มี.ค.) จำนวน 19,415 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 (ต.ค.-ธ.ค.) จำนวน 13,877 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 5,538 ราย คิดเป็นร้อยละ 40 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 จำนวน 20,750 ราย ลดลงจำนวน 1,335 ราย คิดเป็นร้อยละ 6
สำหรับ ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 1,809 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 1,053 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 573 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ โดย มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในไตรมาส 1/2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 71,130 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส4/2562 จำนวน 141,355 ล้านบาท ลดลงจำนวน 70,225 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 จำนวน 52,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 18,739 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 36
ส่วน ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 14,068 ราย คิดเป็นร้อยละ 72.46 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 5,029 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.90 รองลงมา คือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 283 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.46 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.18
สำหรับ จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจำนวน 3,169 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 จำนวน 10,175 ราย ลดลงจำนวน 7,006 ราย คิดเป็นร้อยละ 69 และเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 จำนวน 3,288 ราย ลดลงจำนวน 119 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์ปกติที่จะมีแนวโน้มของการจดทะเบียนเลิกประกอบธุรกิจ ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 337 ราย คิดเป็นร้อยละ 11 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 183 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร จำนวน 92 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ
ส่วน มูลค่าทุนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ในไตรมาส 1/2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 14,456 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562 จำนวน 37,188 ล้านบาท ลดลงจำนวน 22,733 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 61 และเมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1/2562 จำนวน 9,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 4,460 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 45
ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 2,170 ราย คิดเป็นร้อยละ 68.47 รองลงมาคือ ช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 860 ราย คิดเป็นร้อยละ 27.14 ลำดับถัดไปคือช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 128 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.04 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 11 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.35
ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนมีนาคม 2563 ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 มี.ค. 63) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน762,229 ราย มูลค่าทุน 18.56 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด / ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,116 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.55 บริษัทจำกัด จำนวน 573,852 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.29 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,261 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.16 ตามลำดับ
ส่วน ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 450,432 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.09 รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.16 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 224,96 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.45 รวมมูลค่าทุน 0.74 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.99 ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 71,614 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.40 รวมมูลค่าทุน 1.94 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.45 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,687 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.06 รวมมูลค่าทุน 15.48 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.40 ตามลำดับ
โดย เดือนมีนาคม 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 67 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 21 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 46 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 7,988 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวนธุรกิจที่คนต่างชาติเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 (เพิ่มขึ้น 8 ราย)
ส่วน นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 18 ราย เงินลงทุน 3,186 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 11 ราย เงินลงทุน 1,116 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ 6 ราย เงินลงทุน 757 ล้านบาท ส่วน เดือนมกราคม - มีนาคม 2563 คนต่างด้าวได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 180 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 29,026 ล้านบาท