นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบกรอบแผนงานโครงการเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในรอบที่ 2 ในกรอบวงเงิน 1.52 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อเนื่องจากรอบแรกที่ได้รับการอนุมัติไปแล้ว วงเงิน 9.24 แสนล้านบาท ซึ่งจะใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในกรอบของการฟื้นฟูที่กันเงินเอาไว้จำนวน 4 แสนล้านบาท โดยการทำโครงการรอบ 2 นี้ ประเมินว่า เบื้องต้นจะช่วยทำให้จีดีพีของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากฐานปกติที่ไม่มีเงินกู้ ประมาณ 0.2% ในปี 2563 และคาดว่าจะช่วยให้จีดีพีปี 2564 ขยายตัวได้อีก 0.25%
สำหรับแผนโครงการในรอบนี้ สศช. ประเมินว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม คือ ช่วยให้เกิดการรักษาการจ้างงานและจ้างงานใหม่รวมกว่า 3.1 แสนราย และสามารถยกระดับทักษะแรงงานอาชีพเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและวางรากฐานการพัฒนาในระยะต่อไปได้กว่า 1.6 แสนราย พร้อมช่วยภาคเกษตรกร และผู้ประกอบการในระดับชุมชน ทั้งในภาคการผลิตและบริการ ทั้ง 76 จังหวัด มีการยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิต/บริการ และสามารถฟื้นฟูธุรกิจให้พร้อมรับกับสถานการณ์ที่จะเปลี่ยนไปภายหลังวิกฤติโควิด-19
นอกจากนี้ ในการดำเนินโครงการครั้งนี้ ยังประเมินว่า หากทำได้ตามแผนจะสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ได้หลาย 10 ล้านคน และสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยอย่างน้อย 1 แสนร้านค้า อีกทั้งยังช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 6 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้ ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรล้านไร่ จะกักเก็บน้ำได้มากขึ้นด้วยการบริหารจัดการน้ำชุมชน