คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ตามที่กลุ่มประชาชนได้ชุมนุมบริเวณหน้ารัฐสภาในระหว่างที่มีการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ยุทธวิธีควบคุมฝูงชนโดยมีการฉีดน้ำและน้ำผสมแก๊สน้ำตาเพื่อสกัดผู้ชุมนุม และต่อมาเกิดเหตุปะทะกันของผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บหลายสิบรายนั้น
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) รู้สึกเป็นกังวลและห่วงใยต่อสถานการณ์การชุมนุมที่อาจมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรงและเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงระหว่างกลุ่มที่มีความเห็นต่าง จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายพิจารณา ดังนี้
1. ผู้ชุมนุมและประชาชนที่เห็นต่างทุกฝ่ายควรเคารพในสิทธิและเสรีภาพในความคิด ความเชื่อ และการแสดงออกของบุคคลอื่น โดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน การสร้างเงื่อนไข และการสื่อสารด้วยวิธีการใด ๆ ที่สร้างความขัดแย้ง ความเกลียดชัง และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงต่อกันในทุกกรณี
2. รัฐบาลต้องเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้แนวทางสันติวิธีในการเจรจาแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างเป็นธรรมกับผู้ชุมนุมทุกฝ่าย หากไม่ปรากฏเหตุการณ์ที่จะนำไปสู่ความรุนแรงจะต้องไม่ใช้มาตรการในการสลายการชุมนุมจนกระทบต่อสิทธิในชีวิตและร่างกายของทุกฝ่าย โดยควรนำมาตรฐานสากลมาปรับใช้ตามสมควรแก่กรณีเพื่อให้มีลำดับขั้นตอน สัดส่วนและวิธีการที่จะใช้ในการควบคุมการชุมนุมอย่างเหมาะสม
3. รัฐบาลควรเร่งเยียวยาทุกฝ่ายที่ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมอย่างรวดเร็วและเสมอภาค รวมทั้งเพิ่มมาตรการป้องกันการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บมาดำเนินคดีโดยเร็ว
4. สมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ควรร่วมกันใช้กลไกรัฐสภาในการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญและรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่ายร่วมด้วย เพื่อมิให้สถานการณ์บานปลายและนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงมากขึ้น