คณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ แจ้งความคืบหน้าคดี น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ อดีตรองผู้จัดการและผู้จัดการฝ่ายบัญชีสมาคมฯ มีเจตนาโดยทุจริตลักทรัพย์ของสมาคมฯ ซึ่งเป็นนายจ้าง ล่าสุด ศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาในคดีแพ่ง หมายเลขดำที่ ร 3530/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ร 3657/2563 ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่สมาคมฯ กว่า 16.2 ล้านบาท
คณะกรรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจปี 2563 แจ้งความคืบหน้าของคดีกรณีพนักงานอัยการ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ อดีตเจ้าหน้าที่รองผู้จัดการและผู้จัดการฝ่ายบัญชีสมาคมฯ ในข้อหาคดีปลอมแปลงเอกสารและทุจริตลักทรัพย์ของสมาคมฯ ในฐานะนายจ้างซึ่งเป็นการกระทำผิดอาญาซึ่งหน้า มีหลักฐานแจ้งชัด กรรมการสมาคมฯ จึงได้ดำเนินการไล่ น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ ออกจากงาน และได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ปัจจุบันคดีอาญาดังกล่าวพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาแล้ว เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1537/2563 ความเสียหายประมาณ 17.7 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเมื่อคณะกรรมการสมาคมฯ ได้ว่าจ้างบริษัทบัญชีทำการตรวจสอบบัญชีทั้งหมดย้อนหลัง พบว่ามีความเสียหายเพิ่มอีกประมาณ 13.8 ล้านบาท นายกสมาคมฯ จึงได้เรียกประชุมคณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ปี 2563 และคณะกรรมการสมาคมฯ ได้มีมติให้ว่าจ้างทนายความดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาแก่ น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ เป็นจำเลยต่อศาลแยกจากคดีอาญาของพนักงานอัยการเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาโดยเร็วแล้วออกคำบังคับเพื่อนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดอายัดทรัพย์สินของจำเลยนำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระคืนให้แก่สมาคมฯ ตามกฎหมายต่อไป ซึ่งทนายความได้ยื่นฟ้องเป็นคดีแพ่งหมายเลขคดีดำที่ ร 3530/2563 ต่อศาลแรงงานกลาง ระหว่าง สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดย นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมฯ (โจทก์) น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ (จำเลย) ศาลแรงงานกลางได้นัดสืบพยานโจทก์ (สมาคมฯ) ในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ทนายความได้นำ นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมฯ พร้อมด้วย นายกฤษณะพงศ์ พงศ์แสนยากร อุปนายก 1 น.ส.จินตนา สื่อสกุลโชคชัย นักบัญชี เข้าสืบข้อเท็จจริงต่อศาลแรงงานกลาง และในวันดังกล่าวศาลแรงงานกลางได้มีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ร 3657/2563 พิพากษาให้สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจเป็นฝ่ายชนะคดี โดยพิพากษาให้ น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ จำเลย ชำระเงินคืนให้แก่สมาคมฯ เป็นเงิน จำนวน 16,248,419 บาท (สิบหกล้านสองแสนสี่หมื่นแปดพันสี่ร้อยสิบเก้าบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นจำนวน 13,896,971.69 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นแก่สมาคมฯ หลังจากสมาคมฯ ได้รับคำพิพากษาแล้วจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายในการบังคับคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนการดำเนินคดีอาญาในส่วนความเสียหายที่ตรวจพบใหม่นั้น คณะกรรมการสมาคมฯ ได้มีมติว่าจ้างทนายความดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีอาญาและทนายความได้ยื่นฟ้องคดีอาญาต่อศาลอาญาแล้ว เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2181/2563 ระหว่าง สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดย นายถิรพุทธิ์ เปรมาประยูรวงศา นายกสมาคมฯ (โจทก์) น.ส.กุศลิน นามวัฒน์ (จำเลย) ซึ่งศาลอาญาได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เช่นเดียวกัน
คณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ปี 2563 ขอยืนยันว่าจะไม่นิ่งนอนใจและจะดำเนินคดีแก่จำเลยให้ถึงที่สุดหากคดีมีความคืบหน้าประการใด คณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จะรายงานให้สมาชิกสมาคมฯ ทราบต่อไป