นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะหดตัว 7.7% น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา ที่ 8.5% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเริ่มเปิดประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญฟื้นตัวชัดเจน นำโดยกลุ่มประเทศเอเชีย เช่น จีน เวียดนาม ส่งผลให้ภาคการส่งออกสินค้าของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี สร้างความเชื่อมั่นภาคประชาชน ภาคเอกชนและต่างประเทศ โดยคาดว่าปี 2563 การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะติดลบ 3.0% และลบ 9.8% ตามลำดับ ขณะที่มูลค่าการส่งออกสินค้าจะหดตัว 7.8% ปรับตัวดีขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ลบ 11.0%
นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ภาครัฐยังได้ดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง และมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งจะมีส่วนช่วยประคับประคองเศรษฐกิจไทย รักษาระดับการจ้างงาน และสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานราก โดยคาดว่าการบริโภคและการลงทุนภาครัฐจะขยายตัว 4.0% และ 10.5% ตามลำดับ และคาดว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 และจะเห็นตัวเลขเศรษฐกิจติดลบน้อยลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2563
สำหรับปี 2564 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ 4.5% ต่อปี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัว 6.0% ตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญที่มีแนวโน้มขยายตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว 2.6% และการใช้จ่ายภาครัฐทั้งจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 3.3 ล้านล้านบาท และการเบิกจ่ายจากพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยมีกรอบวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ที่คาดว่าจะมีการเบิกจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง