พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
พล.อ.ประวิตร กล่าวชื่นชมผลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างดี และถือเป็นกำลังสำคัญของรัฐบาลในการดำเนินการ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบแนวทางทำงานให้กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการต่อเนื่อง รองรับเป้าหมายให้คนไทยทั้งประเทศสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในระบบดิจิทัล สนับสนุนการสร้างความตระหนักรับรู้อย่างทั่วถึง และรู้เท่าทันภัยจากสื่อออนไลน์
โดยในด้านสังคม รวมทั้งความมั่นคง ประกอบด้วย ช่วยกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ด้อยโอกาสเป็นพิเศษ โดยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เข้าถึงและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ได้อย่างเหมาะสม เร่งทำการแก้ไขปัญหาข่าวปลอม (เฟกนิวส์) ที่กระทรวงฯ กำลังดำเนินการ ต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย ประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทำให้เป็นรูปธรรม และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ต้องเร่งป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ โดยบูรณาการการทำงาน และดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ อย่างเคร่งครัด และขับเคลื่อนการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อป้องกันภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และทวีความสำคัญมากขึ้น
ขณะที่ด้านเศรษฐกิจ ให้เร่งรัดการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน สร้างงานในพื้นที่ต่างจังหวัด พื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มฐานราก เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย คนด้อยโอกาส วางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่ทันสมัย ขับเคลื่อนการใช้เทคโนโลยี 5G และเร่งรัดการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลดังกล่าว เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ ตลอดจนการให้บริการสาธารณสุขและการศึกษาทางไกลกับประชาชน
ขณะเดียวกัน ต้องเตรียมคนไทยและแรงงานไทยให้พร้อมสู่โลกดิจิทัล สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ในระบบดิจิทัล สร้างความรู้ความเข้าใจการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมดิจิทัล เร่งส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้กระจายไปทุกภูมิภาค ทุกจังหวัด ทั่วประเทศโดยเร็ว
พล.อ.ประวิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากปัจจุบัน สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสร้างความขัดแย้งในสังคม การปลุกปั่นยั่วยุ และการแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม กระทรวงดิจิทัลฯ ต้องมีบทบาทในการแก้ไขเรื่องดังกล่าว จึงขอให้กระทรวงฯ เพิ่มประสิทธิภาพการปิดกั้นเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจังและเปิดเผยให้สังคมได้รับทราบ โดยขอให้ประสานและขอความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด รวมถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ไอเอสพี) ในประเทศ และแพลตฟอร์มต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชมกระทรวงฯ ว่า ที่ผ่านมามีผลงานสำเร็จเป็นรูปธรรมหลายเรื่อง อาทิ การจัดตั้งสำนักงานไซเบอร์ฯ การจัดตั้งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม และการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ทั้งนี้ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้บริหาร ข้าราชการ และบุคลากรของกระทรวงดิจิทัลฯ ที่ได้ทุ่มเทต่อการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมั่นคง และยั่งยืนตลอดไป