วันที่ 23 ต.ค. ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชที่ปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในวันปิยมหาราช วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2563 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ากราบในปราสาทพระเทพบิดร มีประชาชนจำนวนมากต่างสวมเสื้อสีเหลืองมาเข้าแถวรอบ ระเบียงคตวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อรอคิวเข้าไปกราบด้านในปราสาทพระเทพบิดร โดยเจ้าหน้าที่ สนว.จัดแบ่งเป็น 2 แถว กำหนดให้เข้ากราบจำนวน 50 คน ต่อรอบ เพื่อความรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยประชาชนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมถึงมีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ สำหรับสตรีที่จะเข้ากราบต้องสวมกระโปรงเท่านั้น บรรยากาศตั้งแต่เช้าเป็นต้นมา ประชาชนหลั่งไหลมาอย่างเนืองแน่นท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่ประชาชนไม่ย่อท้ออดทนรอด้วยใจรักและภักดี
นางศรีวรรณ อำภาพันธ์ อายุ 47 ปี กล่าวว่า เดินทางจากจังหวัดนนทบุรี โดยนัดหมายเพื่อนแต่เช้าสวมเสื้อสีเหลืองเพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จบูรพมหากษัตริย์ในปราสาทพระเทพบิดร เนื่องในวันปิยมหาราช วันสวรรคตรัชกาลที่ 5 เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์ แม้จะใช้เวลาในการต่อคิวเข้ากราบ ก็อดทน รอคอยด้วยความตั้งใจ เพราะในหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงนำพาประเทศไทยเจริญ ประทับใจพระราชกรณียกิจด้านการต่างประเทศ ทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ เสด็จประพาสยุโรปอย่างจริงจัง โดยทรงมีพระปรีชาสามารถ อีกพระราชกรณียกิจที่คนไทยทราบดีทรงประกาศเลิกทาสทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่ปี 2448 บ้านเมืองพัฒนาต่อเนื่อง ตนเกิดในรัชกาลที่ 9 ทรงดูแลทุกข์สุขประชาชนโดยไม่แบ่งแยกเขื้อชาติ ศาสนา รู้สึกประทับใจในพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เสมอมา
นางศุภัคชญา ตั้งเจริญ ชาวกรุงเทพฯ กล่าวว่า เดินทางมาจากเขตตลิ่งชัน เพื่อมาเข้าถวายบังคมพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 เป็นโอกาสสำคัญ เป็นพระเมตตาของในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงให้ประชาชนได้น้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณพระมหากษัตริย์ทั้ง 9 พระองค์ ภายในปราสาทพระเทพบิดร พระเจ้าแผ่นดินของเรา ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาก ทำนุบำรุงศาสนา สร้างมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ อยากให้ลูกหลาน เยาวชน ได้มาซึมซับและร่วมสืบสานเพื่อความเป็นชาติไทยไว้ การแสดงความจงรักภักดีในวันนี้ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นที่สุด
นางสาวปราณี ศรีศรากร อายุ 80 ปี เดินทางมาพร้อมกับครอบครัว กล่าวว่า วันคล้ายวันสวรรคตรัชกาลที่ 5 ปีนี้ ตั้งใจมาถวายบังคมพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ตั้งแต่ ร.1 ถึงรัชกาลที่ 9 ก่อนหน้านี้ เคยมาถวายบังคมพระบรมรูปในปราสาทพระเทพบิดร แต่ตอนนั้นยังไม่ประดิษฐานพระบรมรูป ร.9 ตนตั้งจิตอธิษฐานให้พระบารมีกษัตริย์ทุกพระองค์คุ้มครองแผ่นดินไทย และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณรัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาสโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ทรงพัฒนาบ้านเมืองด้วยวิทยาการสมัยใหม่ ทั้งไฟฟ้า ประปา การขนส่งทรงสร้างรถไฟหลวงสายแรก ทรงตั้งการไปรษณีย์ขึ้น ทรงผูกสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศ พระราชกรณียกิจทำให้เรามีชาติไทยทุกวันนี้ กษัตริย์แต่ละพระองค์ทรงบริหารบ้านเมืองในรูปแบบทีแตกต่างกันไป
“ประชาชนมาเข้าแถวรอเข้าถวายบังคมจำนวนมาก แถวยาว เห็นภาพความพร้อมเพรียงของคนไทยแล้วรู้สึกซาบซึ้ง แสดงถึงความรัก ศรัทธา ความเคารพบูชาพระมหากษัตริย์ไม่จืดจาง สถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ที่มีความแตกต่างทางความคิด อยากให้หันหน้าคุยกัน และอยากให้กตัญญูรู้คุณ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณกษัตริย์ที่กอบกู้ รักษาชาติ“ นางสาวปราณี กล่าว
นางสาวอัญชลี กวางสุทธิ อายุ 42 ปี มาพร้อมครอบครัว 6 คน กล่าวว่า เดินทางมาจากเขตบางแค กรุงเทพฯ สวมเสื้อสีเหลืองกันทุกคน เพื่อเข้าถวายบังคมพระบรมรูปบูรพกษัตริย์ ถือเป็นครั้งแรกในชีวิต จะรอคิวนานแค่ไหนก็รอ ลูกๆ ก็อยากมา การพาเด็กๆ มาด้วย เชื่อว่า พวกเขาจะประทับใจ ได้สัมผัสบรรยากาศที่คนไทยรักและผูกพันกับสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะวันนี้วันปิยมหาราช ได้บอกเล่าพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 5 ให้ลูกฟัง เพราะที่ผ่านมาตนชอบอ่านพระราชประวัติและศึกษาประวัติศาสตร์ชาติ แต่ละยุคสมัย บ้านเมืองรอดพ้นวิกฤตด้วยพระปรีชาสามารถของกษัตริย์ ตนภาคภูมิใจได้เกิดเป็นคนไทยและจะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้เหนือเกล้า สำหรับในหลวง รัชกาลที่ 10 ทรงเป็นศูนย์รวมใจของพสกนิกรและประกอบพระราชกรณียกิจต่อเนื่องสืบสานจากพระราชบิดา ตนติดตามการทรงงานของพระองค์ปลาบปลื้มมาก