คณะก้าวหน้า ออกแถลงการณ์เรื่อง อย่ายอมจำนนให้อำนาจเผด็จการปิดปากเรา โดยระบุว่า
วันนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระทำการที่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพสื่ออย่างร้ายแรง คือ
1. สั่งปิดและลบเนื้อหาสื่อ 4 ราย ได้ประชาไท, วอยซ์ทีวี, เดอะ สแตนดาร์ด, เดอะ รีพอร์ตเตอร์, และเพจเยาวชนปลดแอก ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารของผู้ชุมนุม
2. นำกำลังตำรวจบุกยึดหนังสือของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน 3 ปก ได้แก่ ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง, ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ, และขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี
3. สั่งปิดกั้นการเข้าถึงแอปพลิเคชั่น Telegram
4. สั่งลบและดำเนินการเอาผิดผู้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย กว่า 3 แสน URL
การกระทำทั้งหมดเท่ากับการใช้อำนาจปิดหูปิดตาประชาชน ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเพียงด้านเดียว คือด้านที่เป็นคุณกับรัฐบาล และเป็นโทษต่อผู้ชุมนุม เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสื่อที่ถูกสั่งปิด เป็นสื่อที่รายงานข่าวการชุมนุมอย่างเที่ยงตรง รวดเร็ว และรอบด้าน หรือเป็นช่องทางนัดหมาย สื่อสารการชุมนุม แต่กลับถูกสั่งปิดกั้นโดยอ้างว่าเป็นสื่อที่ "เผยแพร่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย"
นอกจากนี้ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เข้าควบคุมการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน โดยอ้างว่าเพื่อให้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ยังเป็นการเซ็นเซอร์สื่อโดยปริยาย เพราะไม่มีคำสั่งชัดเจนว่าอะไรที่เข้าข่ายการนำเสนอที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทำให้สื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม ต้องทำงานบนความหวาดกลัว การเสนอข่าวที่เที่ยงตรง รอบด้าน เสี่ยงต่อการถูกจับ สั่งปิดสถานี หรือยึดอุปกรณ์ ในขณะที่สื่อฝั่งที่ด้อยค่า แพร่มลทินต่อผู้ชุมนุม กลับยังนำเสนอข่าวได้ตามปกติ แม้จะมีเนื้อหายุยงปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังอย่างร้ายแรง
คณะก้าวหน้าขอประณามการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และยืนยันว่ารัฐบาลต้องยุติการปิดกั้นเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่รัฐบาลจะเสื่อมความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปมากกว่านี้
สำหรับสื่อมวลชน คณะก้าวหน้าขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรงทุกคน
ในวันนี้ ประชาชนทั่วประเทศได้ลุกขึ้นสู้ ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ เราหวังว่าสื่อมวลชนจะลุกขึ้นสู้ เพื่อเสรีภาพของตนเอง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพของท่าน และเพื่อปกป้องผู้รับรู้ข้อมูลข่าวสารทุกคน
หากสื่อไม่หันหลังให้ประชาชน เราประชาชน ก็จะไม่มีวันหันหลังให้กับท่าน
เราจะสู้ไปด้วยกัน
วันนี้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระทำการที่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเสรีภาพสื่ออย่างร้ายแรง คือ
1. สั่งปิดและลบเนื้อหาสื่อ 4 ราย ได้ประชาไท, วอยซ์ทีวี, เดอะ สแตนดาร์ด, เดอะ รีพอร์ตเตอร์, และเพจเยาวชนปลดแอก ซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารของผู้ชุมนุม
2. นำกำลังตำรวจบุกยึดหนังสือของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน 3 ปก ได้แก่ ประชาธิปไตยที่มีกษัตริย์อยู่เหนือการเมือง, ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ, และขุนศึก ศักดินา พญาอินทรี
3. สั่งปิดกั้นการเข้าถึงแอปพลิเคชั่น Telegram
4. สั่งลบและดำเนินการเอาผิดผู้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย กว่า 3 แสน URL
การกระทำทั้งหมดเท่ากับการใช้อำนาจปิดหูปิดตาประชาชน ให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารเพียงด้านเดียว คือด้านที่เป็นคุณกับรัฐบาล และเป็นโทษต่อผู้ชุมนุม เนื่องจากเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าสื่อที่ถูกสั่งปิด เป็นสื่อที่รายงานข่าวการชุมนุมอย่างเที่ยงตรง รวดเร็ว และรอบด้าน หรือเป็นช่องทางนัดหมาย สื่อสารการชุมนุม แต่กลับถูกสั่งปิดกั้นโดยอ้างว่าเป็นสื่อที่ "เผยแพร่ข้อความอันอาจทำให้ประชาชนหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อย"
นอกจากนี้ การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เข้าควบคุมการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน โดยอ้างว่าเพื่อให้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ยังเป็นการเซ็นเซอร์สื่อโดยปริยาย เพราะไม่มีคำสั่งชัดเจนว่าอะไรที่เข้าข่ายการนำเสนอที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทำให้สื่อมวลชน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม ต้องทำงานบนความหวาดกลัว การเสนอข่าวที่เที่ยงตรง รอบด้าน เสี่ยงต่อการถูกจับ สั่งปิดสถานี หรือยึดอุปกรณ์ ในขณะที่สื่อฝั่งที่ด้อยค่า แพร่มลทินต่อผู้ชุมนุม กลับยังนำเสนอข่าวได้ตามปกติ แม้จะมีเนื้อหายุยงปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังอย่างร้ายแรง
คณะก้าวหน้าขอประณามการกระทำดังกล่าวของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา และยืนยันว่ารัฐบาลต้องยุติการปิดกั้นเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการสื่อสารของประชาชนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่รัฐบาลจะเสื่อมความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมในการบริหารประเทศไปมากกว่านี้
สำหรับสื่อมวลชน คณะก้าวหน้าขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อตรงทุกคน
ในวันนี้ ประชาชนทั่วประเทศได้ลุกขึ้นสู้ ไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ เราหวังว่าสื่อมวลชนจะลุกขึ้นสู้ เพื่อเสรีภาพของตนเอง เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพของท่าน และเพื่อปกป้องผู้รับรู้ข้อมูลข่าวสารทุกคน
หากสื่อไม่หันหลังให้ประชาชน เราประชาชน ก็จะไม่มีวันหันหลังให้กับท่าน
เราจะสู้ไปด้วยกัน
