เพจประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กวันนี้ (12 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีการหารือและอนุมัติไปหลายเรื่อง
เรื่องที่ขอแจ้งให้ทราบอยู่ในส่วนของภารกิจสำคัญที่ผมมุ่งเน้นเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้ นั่นคือการดูแลและบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ช่วยคนไทยหลายสิบล้านคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้
สิ่งที่ ศบศ และรัฐบาลกำลังทำมีทั้งการปรับปรุงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น และมีการออกมาตรการใหม่ๆ เพิ่มเติมเราต้องทำหลายๆ มาตรการไปพร้อมกัน โดยเป้าหมายหลักคือ ช่วยคนรายได้น้อย ให้พอมีเงินใช้จ่าย และช่วยทำให้คนที่มีรายได้มาก คนที่มีเงิน แต่ไม่อยากใช้ ให้ออกมาใช้เงิน เพื่อดึงเงินให้เข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
ขอขอบคุณภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ และองค์กรธุรกิจต่างๆ ทั้งกลุ่มที่เข้าร่วม workshop ที่ผมจัดขึ้น และนำเสนอความคิดให้ผมรับทราบโดยตรง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และอีกหลายกลุ่ม หลายภาคธุรกิจที่ช่วยกันนำเสนอความคิดผ่านคณะทำงานต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์อย่างมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ภาครัฐสามารถคิดและออกมาตรการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตรงจุด ตรงความต้องการ นี่คือวิธีการทำงานร่วมกัน แบบรวมไทยสร้างชาติ ที่เราต้องจับมือร่วมกันทุกภาคส่วน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อช่วยกันนำพาประเทศไทยของเราให้ก้าวไปข้างหน้า โดย 3 มาตรการสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายภายในประเทศ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติวันนี้ ได้แก่
1. มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ประชาชน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท (เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน)
2. มาตรการ “คนละครึ่ง” กระตุ้นการใช้จ่าย โดยประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่ง รัฐบาลช่วยออกอีกครึ่งหนึ่ง
3. มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” คือประชาชนนำค่าใช้จ่ายซื้อสินค้า มาลดหย่อนภาษีได้ถึง 30,000 บาท
ทั้งนี้ 3 มาตรการดังกล่าว ตั้งเป้าดึงเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการซื้อขายจับจ่ายใช้สอย คนซื้อมีเงินซื้อสินค้าและบริการ ส่วนเจ้าของสินค้า คนผลิตของ เจ้าของร้านค้าสามารถขายของได้ เกิดการซื้อขาย เกิดการกระจายเงิน สร้างงานสร้างรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงพนักงานร้านค้า คนขนส่งของ คนทำหีบห่อ และประชาชนอีกมากมายในระบบ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทย
เรื่องที่ขอแจ้งให้ทราบอยู่ในส่วนของภารกิจสำคัญที่ผมมุ่งเน้นเป็นอย่างมากในช่วงเวลานี้ นั่นคือการดูแลและบรรเทาปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ช่วยคนไทยหลายสิบล้านคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้
สิ่งที่ ศบศ และรัฐบาลกำลังทำมีทั้งการปรับปรุงมาตรการบรรเทาผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นทั่วโลก ปรับปรุงมาตรการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น และมีการออกมาตรการใหม่ๆ เพิ่มเติมเราต้องทำหลายๆ มาตรการไปพร้อมกัน โดยเป้าหมายหลักคือ ช่วยคนรายได้น้อย ให้พอมีเงินใช้จ่าย และช่วยทำให้คนที่มีรายได้มาก คนที่มีเงิน แต่ไม่อยากใช้ ให้ออกมาใช้เงิน เพื่อดึงเงินให้เข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
ขอขอบคุณภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็นสมาคมภาคธุรกิจต่างๆ และองค์กรธุรกิจต่างๆ ทั้งกลุ่มที่เข้าร่วม workshop ที่ผมจัดขึ้น และนำเสนอความคิดให้ผมรับทราบโดยตรง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา และอีกหลายกลุ่ม หลายภาคธุรกิจที่ช่วยกันนำเสนอความคิดผ่านคณะทำงานต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์อย่างมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ภาครัฐสามารถคิดและออกมาตรการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตรงจุด ตรงความต้องการ นี่คือวิธีการทำงานร่วมกัน แบบรวมไทยสร้างชาติ ที่เราต้องจับมือร่วมกันทุกภาคส่วน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อช่วยกันนำพาประเทศไทยของเราให้ก้าวไปข้างหน้า โดย 3 มาตรการสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายภายในประเทศ ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติวันนี้ ได้แก่
1. มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้ประชาชน 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท (เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน)
2. มาตรการ “คนละครึ่ง” กระตุ้นการใช้จ่าย โดยประชาชนจ่ายครึ่งหนึ่ง รัฐบาลช่วยออกอีกครึ่งหนึ่ง
3. มาตรการ “ช้อปดีมีคืน” คือประชาชนนำค่าใช้จ่ายซื้อสินค้า มาลดหย่อนภาษีได้ถึง 30,000 บาท
ทั้งนี้ 3 มาตรการดังกล่าว ตั้งเป้าดึงเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นให้เกิดการซื้อขายจับจ่ายใช้สอย คนซื้อมีเงินซื้อสินค้าและบริการ ส่วนเจ้าของสินค้า คนผลิตของ เจ้าของร้านค้าสามารถขายของได้ เกิดการซื้อขาย เกิดการกระจายเงิน สร้างงานสร้างรายได้ต่อเนื่องไปจนถึงพนักงานร้านค้า คนขนส่งของ คนทำหีบห่อ และประชาชนอีกมากมายในระบบ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทย