นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศองค์กรผู้บริโภคที่ผ่านการขึ้นทะเบียนเป็นองค์กรผู้บริโภคตามหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค 2562 จำนวน 155 องค์กร เมื่อวันที่ 1 ต.ค.63 ที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งสภาองค์กรผู้บริโภค เพราะตามกฏหมายกำหนดให้องค์กรผู้บริโภคที่ผ่านการจดแจ้งแล้วไม่น้อยกว่า 150 องค์กร สามารถรวมตัวจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคขึ้นมาได้นั้น
แต่การที่จะใช้สิทธิเข้าชื่อกันแจ้งต่อทะเบียนกลาง เพื่อเป็นผู้เริ่มก่อการในการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคได้นั้น องค์กรผู้บริโภคนั้นๆจะต้องดำเนินการคุ้มครองผู้บริโภค “เป็นที่ประจักษ์” มาแล้ว ไม่น้อยกว่า 2 ปีตามที่กฎหมายกำหนด แต่ปรากฎว่า มีตัวแทนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคที่ ไปยื่นต่อนายทะเบียนกลาง เพื่อขอเป็นผู้เริ่มก่อการในการจัดตั้งสภาองค์กรผู้บริโภค กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงเป็นที่สงสัยว่าองค์กรผู้บริโภคต่างๆ เหล่านั้น ได้ดำเนินการ หรือมีผลงานในการคุ้มครองผู้บริโภคมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีอย่างไรบ้าง เพราะถ้าองค์กรต่างๆ เหล่านั้นมีผลงานเป็นที่ประจักษ์จริงกันทุกองค์กร คงไม่มีปัญหาผู้บริโภคถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างแพร่หลายในขณะนี้ได้ และอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องมีสภาองค์กรผู้บริโภคก็ยังได้ เว้นแต่มีความพยายามที่จะจัดตั้งองค์กรผู้บริโภคขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง
แต่หากพิจารณาต่อไปว่า เมื่อมีการประกาศจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคได้แล้ว กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลต้องจัดสรรเงินจากภาษีประชาชนมาอุดหนุนไว้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นทุนประเดิมให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคที่จัดตั้งขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นในการดำเนินการ และให้เกิดการรวมตัวกันขององค์กรของผู้บริโภค อย่างทั่วถึง หลังจากนั้นจึงจะเข้าสู่การจัดทำแผนงบประมาณภาครัฐสนับสนุนในแต่ละปีต่อไป นี่จึงอาจเป็นเหตุผลในความพยายามที่จะจัดตั้งสภาองค์กรผู้บริโภคขึ้นมา โดยมีการระดมสรรพกำลังโดยใช้เงินภาษีบาป ไปใช้ในการจัดตั้งเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว และสุดท้ายผู้ที่เป็นแกนนำก็อาจจะได้อานิสงค์เป็นประธานสภาฯ เป็นกรรมการสภาฯ ซึ่งสามารถใช้เงินภาษีของประชาชนได้อย่างเต็มที่
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ตรวจสอบและขอหลักฐานยืนยันว่า องค์กรที่เข้าชื่อกันเพื่อจดแจ้งขอจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคนั้น มีผลงานเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว 2 ปีอย่างไร แต่หากเป็นการแจ้งเท็จจะได้ดำเนินการทางกฎหมายในขั้นต่อไป โดยสมาคมฯ จะไปยื่นคำร้อง ในวันจันทร์ที่ 12 ต.ค.63 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ตึก กพร.เดิม ทำเนียบรัฐบาล