รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัวนะครับ กรณีนี้ชัดเจนว่า กิน "แมงดาถ้วย" หรือก็คือแมงดาทะเลหางกลมเข้าไป และได้รับพิษจนเสียชีวิต
จึงขอเตือนว่า อย่าเสี่ยงชีวิตกับการกินไข่แมงดาถ้วยกันอีกเลยนะครับ แม้ว่าจะพ่อค้าแม่ค้าจะยืนยันว่ากินได้ กินมานานแล้ว ตัดเส้นเมาแล้ว ฯลฯ ก็ตาม
(รายงานข่าว) นางสมใจ อายุ 64 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า วันก่อน 4 ต.ค. ลูกสาวไปหาหอยในป่าชายเลน ซ.กิ่งแก้ว ต.รัษฎา และเจอแมงดาทะเล 3 ตัว ลูกสาวเก็บกลับมาบ้านเพื่อปรุงเป็นอาหาร ลูกสาวเอาแมงดาทะเลมาเผาหนึ่งตัวก่อนกินเข้าไป สักพักเริ่มอาเจียน เดินเซ มึนศีรษะ จึงได้รีบนำตัวส่งรพ.
นางสมใจ เล่าอีกว่า ตนรู้สึกเสียใจว่า ทำไมลูกซึ่งมีอาการหนัก บอกแล้วว่ากินแมงดามีพิษเข้าไป ทำไมรพ.อบจ.ภูเก็ต ถึงไม่ส่งตัวไปที่รพ.วชิระภูเก็ต ให้พาไปกันเองทั้งๆที่อาการหนัก ทางครอบครัวได้พากลับมาแวะพักที่บ้านก่อนจะไปที่รพ. แต่ปรากฏว่า เมื่อถึงบ้านลูกสาวตัวเขียว มือเขียวขึ้นมา จึงรีบโทรเรียก 1669 เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงทำการปั๊มหัวใจ ต่อมาผู้ตายได้สิ้นใจ เจ้าหน้าที่จึงนำร่างผู้ตายส่งรพ.วชิระภูเก็ต แพทย์ชันสูตรพลิกศพยืนยันว่า เสียชีวิตจากพิษแมงดาทะเล
นายสอน วงษ์ศาลา ผู้ชำนาญเรื่องสัตว์ทะเล กล่าวว่า จากที่เห็นสัตว์ทะเลในรูปพบว่าเป็นแมงดาถ้วย อยู่ตามป่าชายเลนตัวไม่ใหญ่ ปลายหางมีขนทั้งสองข้าง มีพิษร้ายแรง ประชาชนที่จะไปหาแมงดามารับประทานขอเตือนว่า แมงดาถ้วยมีพิษและอันตรายมาก ไม่ควรนำมารับประทาน