สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรรายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่าสถิติผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 378,219 คน เป็นอันดับ 3 ของทวีปยุโรป รองจากสเปน และฝรั่งเศส โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,991 คน เป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งในวันนั้นมีการยืนยันผู้ติดเชื้อ 4,649 คน
ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 20 คน รวมผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรเป็นอย่างน้อย 41,684 คน มากที่สุดในทวีปยุโรป
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นตัน ตั้งเป้าหมายตรวจคัดกรองให้ได้ 500,000 ตัวอย่างต่อวัน ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ค้นหาผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่ไม่แสดงอาการ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการล็อกดาวน์ทั้งประเทศเป็นครั้งที่สอง ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในช่วงใกล้เทศกาลคริสต์มาส
อย่างไรก็ตาม รายงานของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ภูมิภาคทางเหนือของเกาะอังกฤษมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากในรอบ 7 วัน โดยเมืองโบลตัน มีอัตราการพบผู้ป่วยสูงสุด 204.1 ต่อประชากร 100,000 คน แต่อันดับรองลงมาส่วนใหญ่เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเมืองซันเดอร์แลนด์มีอัตราการติดเชื้อ 82.1 ต่อประชากร 100,000 คน และเมืองนิวคาสเซิลมีอัตราการติดเชื้อ 64.1 ต่อประชากร 100,000 คน
สื่อท้องถิ่นหลายแห่งรายงานว่า รัฐบาลเตรียมประกาศมาตรการล็อกดาวน์เฉพาะจุด ตามเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยเฉพาะที่เมืองนิวคาสเซิล เมืองซันเดอร์แลนด์ และเมืองเดอรัม ซึ่งน่าจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ที่ 18 กันยายนนี้ ตามเวลาท้องถิ่น
ทั้งนี้ ภาครัฐได้ยกระดับมาตรการทางสังคมด้วยการห้ามรวมตัวเกิน 6 คน ทั้งในร่มและกลางแจ้ง มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา
