ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทั่วโลก พุ่งเกิน 30 ล้านคนในวันพฤหัสบดี (17 ก.ย.) ในขณะที่องค์การอนามัยโลกแสดงความกังวลต่ออัตราการแพร่กระจายเชื้อทั่วยุโรป พร้อมกับส่งเสียงเตือนไม่ควรปรับลดกรอบเวลาการกักกันโรคให้สั้นลง
ดร.ฮานส์ คลุกก์ หัวหน้าสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำทวีปยุโรป ระบุว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในเดือนกันยายน “ควรเป็นสัญญาณเตือนเราทุกคน” หลังจากยุโรปสร้างสถิติใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วด้วยมีผู้ติดเชื้อราว 54,000 คนใน 24 ชั่วโมง “แม้จำนวนดังกล่าวจะสะท้อนว่ามีการตรวจเชื้อครอบคลุมมากขึ้น แต่มันก็แสดงถึงอัตราการแพร่เชื้อที่น่ากังวลทั่วภูมิภาค” เขาบอกระหว่างแถลงข่าวทางออนไลน์จากกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
จากการนับล่าสุดของสำนักข่าวเอเอฟพีที่อ้างอิงแหล่งข่าวอย่างเป็นทางการ พบว่า เวลานี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกมีมากกว่า 30 ล้านคน และในนั้นเสียชีวิตกว่า 943,000 คน นับตั้งแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นในจีนเมื่อปีที่แล้ว โดยที่ในยุโรปพบผู้ติดเชื้อราวๆ 7.4 ล้านคน
รัฐบาลต่างๆ ทั่วยุโรปกำลังต่อสู้เพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นระลอกใหม่ แต่ขณะเดียวกันต่างก็ต้องการหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ ซึ่งอาจก่อความเสียหายแก่เศรษฐกิจอีกรอบ และหันมากำหนดข้อบังคับใหม่อย่างกว้างๆ แทน
บรรดาเจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสกำลังเตรียมการใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นในหลายเมืองเพื่อสกัดเคสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น หลังจากพบเคสผู้ติดเชื้อใหม่เกือบ 10,000 คนต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
โอลิวิเยร์ วาราน รัฐมนตรีสาธารณสุขฝรั่งเศส บอกว่ามาตรการใหม่ๆจะบังคับใช้กับเมืองลียงและเมืองนีซนับตั้งแต่วันเสาร์ (19 ก.ย.) เป็นต้นไป หลังจากในสัปดาห์นี้ ได้จำกัดการรวมตัวของประชาชนทั้งในเมืองบอร์กโดซ์และมาร์กเซย์
ในอังกฤษ มาตรการใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์ (18 ก.ย.) โดยนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เตือนว่าผับบาร์ต่างๆ อาจจำเป็นต้องปิดเร็วขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นกราฟขาขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนนาสายพันธุ์ใหม่ระลอกสอง
พวกชาวบ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ ในนั้นรวมถึงนิวคาสเซิล และซันเดอร์แลนด์ จะไม่ได้รับอนุญาตพบปะผู้คนนอกบ้านพักอีกต่อไป
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการตรวจเชื้อที่ไม่พอเพียง ได้ประกาศมาตรการห้ามการรวมตัวหรือพบปะทางสังคมเกิน 6 คนตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนเป็นต้นไป เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งแตะระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
อังกฤษเป็นชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดของยุโรปในแง่ผู้เสียชีวิต ด้วยมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วเกือบ 42,000 คน
ขณะเดียวกัน กรุงมาดริด ประเทศสเปน ได้กลับลำแผนกำหนดล็อกดาวน์แบบเจาะจงเป้าหมาย แล้วเลือกแนวทางลดการเคลื่อนตัวของประชาชนและลดการติดต่อสัมผัสแทน ในพื้นที่ที่มีอัตราการแพร่ระบาดระดับสูง
ส่วนออสเตรียแถลงว่าการรวมตัวในร่มของภาคเอกชนจะถูกจำกัดไม่เกิน 10 คน ในนั้นรวมถึงงานปาร์ตี้ทั้งหมด, กิจกรรมส่วนตัวและการประชุมในร่ม หลังจากนายกรัฐมนตรีเซบาสเตียน คูร์ซ เตือนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า ออสเตรียกำลังเข้าสู่การแพร่ระบาดระลอกสอง
(ที่มา : เอเอฟพี)