นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผยว่า ยอดส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยช่วง 7 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-ก.ค.) มีมูลค่า 12,069 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.73% คิดเป็นมูลค่า 375,985.30 ล้านบาท โดยทะยานขึ้นเป็นสินค้าส่งออกอันดับที่ 1 ของไทย สัดส่วน 9.06% สาเหตุมาจากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการส่งออกทำกำไรเพิ่ม แต่หากหักทองคำออกไปจะทำให้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่าเหลือ 2,576 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 41.87% คิดเป็นมูลค่า 79,423 ล้านบาท เท่านั้น
ทั้งนี้ หากมองดูการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับจริงแล้วจะลดลงถึง 41.87% เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ระบาดไปกว่า 200 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าของไทยชะลอตัว จึงชะลอการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย โดยหากดูเป็นรายการสินค้าพบว่าปรับตัวลงทุกรายการ ทั้งเครื่องประดับเงินลด 8.29% เครื่องประดับทอง ลด 45.18% เพชรเจียระไน ลด 46.21% พลอยเนื้อแข็งเจียระไน ลด 61.64% และพลอยเนื้ออ่อนเจียระไน ลด 53.66%
ขณะที่ตลาดส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด โดยสหภาพยุโรปลด 21.08% สหรัฐฯ ลด 25.51% ฮ่องกง ลด 61.02% ตะวันออกกลาง ลด 40.31% อินเดีย ลด 55.26% อาเซียน ลด 46.18% ญี่ปุ่น ลด 22.08% จีนลด 26.72% ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกลด 7.50% โดยมีรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชที่เพิ่มขึ้น 24.62%
นายสุเมธ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยในไตรมาส 3 ยังคงทรงตัว แม้จะมีคำสั่งซื้อมาบ้างแต่ก็ไม่ได้มากนัก โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายและซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่อาจกลับมาระบาดรอบใหม่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้กระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน และสงครามการค้าที่ต้องจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงปลายปี