นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก warong dechgitvigrom หัวข้อ "ม็อบมุ้งมิ้งตราเด็กสมบูรณ์" ระบุว่า สิ่งที่น่าสนใจ หลังจากเกิดม็อบนักศึกษาขึ้น แทนที่จะได้กระแสขานรับจากประชาชน แต่กลับตรงกันข้าม นั่นคือต่อต้านและไม่เห็นด้วย สะท้อนผ่านคำพูด"ม็อบมุ้งมิ้ง" ซึ่งเป็นคำที่กระแสสังคมขานรับ เพราะดูแล้วกลายเป็นเด็กๆ กำลังเล่นอะไรกันอยู่ เหตุผลที่น่าสนใจ และควรเป็นข้อคิดให้กับน้องๆ ที่คิดจะทำม็อบนั่นคือ
1.เงื่อนไขของการชุมนุม ทุกการชุมนุมจะไปต่อได้หรือไม่ ต้องมีเงื่อนไขที่เป็นการทำร้ายชาติ และประชาชน โดยเกิดจากการกระทำของรัฐบาล อาทิ ทุจริตคอรัปชั่นอย่างร้ายแรง เช่นโครงการรับจำนำข้าว ใช้อำนาจไม่ชอบเช่นการออกกฏหมายล้างผิดให้คนผิด หรือมีการกดขี่ข่มเหงด้วยอำนาจเผด็จการ ในครั้งนี้กลับไม่มีพฤติกรรมนี้จากรัฐบาล แต่เกิดจากเฟคนิวส์เสียมากกว่า
2.ไม่ใช่พลังบริสุทธิ์ เพราะแกนนำที่ขึ้นเวทีมีความชัดเจนว่า เกี่ยวพันกับพรรคการเมืองบางพรรค สิ่งของที่มาสนับสนุนการชุมนุมก็มาจากพรรคการเมือง แม้การปราศรัยบนเวที ก็เกี่ยวพันกับการยุบพรรค ซึ่งเป็นผลประโยชน์เฉพาะตนของพรรค จึงทำให้ประชาชนไม่เอาด้วย
3.การใช้วาจาหยาบคาย ก้าวร้าว ในที่ชุมนุม อาจมีความสะใจ แต่การถ่ายทอดผ่านโซเชียลในวงกว้าง ประชาชนเขารับไม่ได้ โดยเฉพาะการใช้คำพูดไอ้สัส ไอ้เหี้ย
4.ความเป็นประชาธปไตยและเผด็จการไม่ชัดเจน ประชาชนส่วนใหญ่ยังสับสน ที่พยายามใช้วาทกรรมเผด็จการกับรัฐบาลปัจจุบันเพราะทั้งส.ส.ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ล้วนมาจากการเลือกตั้งชุดเดียวกัน มาตามรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ และมองไม่เห็นการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพตรงไหน
5.จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง นับเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของม็อบ ที่มีการแอบแฝงการล้มล้างสถาบัน โดยเอาประเด็นประชาธิปไตยมาบังหน้า ซึ่งแนวคิดดังกล่าวถูกเชื่อมโยงกับนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังม็อบ รวมทั้งผู้ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ มามีส่วนกำหนดการชุมนุมของม็อบ ทั้งๆที่ปัญหาทางการเมืองทั้งหมดเกิดจากนักการเมือง ต้องแก้ที่นักการเมือง แต่ไปตีโจทย์เรื่องการล้มล้าง จึงยิ่งทำให้ประชาชนหมดศรัทธา
6.การปรากฏตัวของโจชัวหว่อง ทำให้สังคมไทยแคลงใจ เกรงกลัว"ฮ่องกงโมเดล" ซึ่งเป็นม็อบที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง และเรียกร้องต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ยิ่งทำให้เชื่อว่า ม็อบมุ้งมิ้งไม่บริสุทธิ์ นอกจากมีนักการเมืองคุมอยู่ข้างหลัง ยังเชื่อว่าเชื่อมโยงกับต่างชาติด้วย เข้าข่ายชักศึกเข้าบ้าน
7.พ่อแม่ลุงป้าน้าอา เรียนหนังสือมามากกว่า ประสบการณ์มากกว่า เป็นสิ่งที่นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ต้องตระหนัก พลังขับเคลื่อนของน้องๆ รุ่นนี้ เทียบกับตุลา 2516 ไม่ได้ เพราะเกือบ 50 ปีที่แล้วคนไทยเรียนมหาวิทยาลัยน้อยมาก พลังนักศึกษาจึงชี้นำสังคมได้ แต่ปัจจุบัน รุ่นพ่อแม่ลุงป้าน้าอา ส่วนใหญ่เรียนหนังสือ ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ รวมทั้งปริญญาโท และเอกเต็มเมือง
จึงทำให้รุ่นพ่อแม่ลุงป้าน้าอาปัจจุบันนี้ มีความรู้และประสบการณ์มากกว่า การชี้นำสังคมของคนรุ่นใหม่จึงมีข้อจำกัด สิ่งเหล่านี้จึงเป็นข้อจำกัดของ"ม็อบมุ้งมิ้ง" และที่สำคัญ แกนนำม็อบบางคนมีภาพลักษณ์อันธพาลเกเร เป็นเครื่องมือนักการเมือง แถมมีภาพลักษณ์อุดมสมบูรณ์ วันหนึ่งสังคมอาจเรียกว่า"ม็อบมุ้งมิ้งตราเด็กสมบูรณ์"