นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 22 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.ต่างด้าวฯ โดยส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 1,587 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 3,575 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน
สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน 4 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และจีน เงินลงทุน 542 ล้านบาท ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม 6 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ เงินลงทุน 632 ล้าน ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง 7 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ เงินลงทุน 181 ล้านบาท ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศสวิส ซามัว อังกฤษ สิงคโปร์ และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน เงินลงทุนจำนวน 232 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม-มิถุนายน 2563 คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต 134 ราย เงินลงทุน 5,357 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปรากฏว่าจำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 35 โดยมีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจ อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการด้านการเงินและการลงทุนของบริษัทในเครือ ค้าปลีกเครื่องบดย่อยและคัดแยกขนาด อุปกรณ์ลำเลียงและขนถ่าย อุปกรณ์แต่งแร่ และบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาหอกลั่น (Tower) และเตาปฏิกรณ์ รวมทั้งท่อแยกแก๊ส เป็นต้น