นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง "ทำบุญสวดมนต์ให้กำลังใจบิ๊กตู่" กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,332 ตัวอย่าง
เมื่อถามถึงเหตุปัจจัยของวิกฤตเศรษฐกิจประเทศและเงินในกระเป๋าของประชาชนที่ไม่พอใช้ พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 82.4 ระบุ โรคโควิด-19 เกิดทั่วโลก ขณะที่ร้อยละ 17.6 ระบุ ปัจจัยอื่นๆ เช่น นักการเมืองมัวแต่ทะเลาะกัน การแก้ปัญหาของรัฐบาลและประชาชนทำตัวเอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ผลประเมินภาพรวมการแก้ปัญหาผลกระทบของโควิด-19 โดยรัฐบาล พบว่าส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 54.5 ระบุ รัฐบาลแก้ปัญหาได้ดีค่อนข้างมาก ถึง ดีเยี่ยม ในขณะที่ร้อยละ 45.5 ระบุ ค่อนข้างน้อย ถึง ไม่ดีเลย
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 57.1 ตั้งใจจะทำบุญสวดมนต์ให้กำลังใจบิ๊กตู่ ในวันอาสาฬหบูชานี้ ให้สามารถแก้ปัญหาวิกฤตต่างๆ ของประเทศผ่านพ้นไปได้อย่างดี ขณะที่ร้อยละ 42.9 ระบุ ไม่ทำ อย่างไรก็ตาม เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 73.9 ระบุ นายกรัฐมนตรีควรรักษาคนดีไว้ข้างกายทำงานต่อเนื่อง ในขณะที่ร้อยละ 26.1 ระบุ ปล่อยให้มันเป็นไป
ที่น่าพิจารณาคือ เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 92.9 เห็นด้วย ถึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่นายกรัฐมนตรีควรใช้โอกาสนี้ขจัดนักการเมืองที่จ่ายเงินซื้อเสียงเข้ามาหมดเนื้อหมดตัวไปเลย อย่าให้โอกาสพวกเขาถอนทุนคืน
นายนพดล กล่าวว่า ข้อมูลกระแสเสียงของประชาชนกำลังเริ่มดีขึ้นต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยรวม เมื่อประชาชนเห็นชัดเจนว่า ความสามารถของ 3 ป.ผู้ทรงอิทธิพลในการจัดการความวุ่นวายภายในพรรคพลังประชารัฐได้ลงตัวและแยกส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีที่มีโควตาของนายกรัฐมนตรีในทีมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและกระทวงหลักสำคัญ "ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า" สมบัติชาติที่ภาคประชาสังคมต้องช่วยกันเฝ้ารักษาอย่าให้ใครเข้ามากอบโกยเอาไปได้
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวต่อว่า ในห้วงเวลานี้นายกรัฐมนตรีต้องอาศัยพลังบุญและคุณธรรมอย่างแรงของทุกฝ่ายทั้งประเทศช่วยกันทำบุญสวดมนต์ให้กำลังใจบิ๊กตู่ ผู้นำของประเทศให้สามารถแก้วิกฤตเศรษฐกิจและความวุ่นวายทางการเมืองทุกมิติได้สำเร็จ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายในการทำงานการเมืองใหม่ ที่ต้องผ่านการเล่นเกมที่แยบยลแนบเนียน เหมือนจะยอมแต่ไม่ยอมไปกับภาวะตัณหา ความอยากมี อยากเป็น และอยากเปลี่ยน ให้ทันใจของทุกฝ่ายเพื่อตนเองและพวกพ้องของพวกเขา แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่่กับพลังหนุนของภาคประชาชนว่า ประชาชนทั้งประเทศมองเห็นเหมือนกับที่นายกรัฐมนตรีเห็นหรือไม่