นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง แนวโน้มจุดยืนการเมืองของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 3,087 ตัวอย่าง
เมื่อสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนหลังมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งมากว่า 1 ปี พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 43.2 ระบุ ชีวิตความเป็นอยู่แย่ลง และร้อยละ 31.5 ระบุ แย่เหมือนเดิม ในขณะที่ร้อยละ 21.9 ระบุ ดีเหมือนเดิม และมีเพียงร้อยละ 3.4 ที่ระบุ ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
ที่น่าเป็นห่วงคือ ในขณะที่ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่แย่ลง แต่สาเหตุที่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายมากขึ้น ร้อยละ 21.8 ระบุ การแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี รองลงมา ร้อยละ 19.4 ระบุ ความแตกแยกของคนในพรรคการเมือง ร้อยละ 17.9 ระบุ คนในรัฐบาลเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย ร้อยละ 12.3 ระบุ ส.ส.จำนวนหนึ่งที่คอยสร้างความขัดแย้งกับคนอื่นไปทั่วรอบด้าน ร้อยละ 11.3 ระบุ ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจความวุ่นวายของบ้านเมือง และร้อยละ 17.3 ระบุ อื่นๆ เช่น มีคนจ้องจะถอนทุนคืน และผู้ใหญ่คล้อยตามแรงยั่วยุจากคนรอบข้าง
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อสอบถามคนที่นายกรัฐมนตรีควรวางใจ ระหว่าง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ให้คุมกระทรวงสำคัญถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรี พบว่า สูสี ไม่แตกต่างกัน คือ ร้อยละ 25.1 ระบุนายณัฏฐพล ขณะที่ร้อยละ 25.0 ระบุนายสุริยะ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 49.9 ระบุอื่นๆ เช่น ไม่ทราบ ไม่เสนอ ไม่ออกความเห็น เป็นต้น
แต่ที่น่าเป็นห่วง คือ แนวโน้มจุดยืนทางการเมืองของประชาชน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2562 ถึงช่วงปลดล็อกผ่อนปรนโควิด-19 เดือนมิถุนายน 2563 พบว่า แนวโน้มกลุ่มคนไม่สนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จากร้อยละ 52.2 ช่วงหลัง กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐลาออก ไปอยู่ที่ร้อยละ 54.4 ในผลสำรวจล่าสุด ทิ้งห่างกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลที่มีอยู่ร้อยละ 22.3 และพลังเงียบหดตัวลงอีก จากร้อยละ 27.4 เหลือร้อยละ 23.3