นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงจะเปิดให้ชาวประมงพื้นบ้านและพาณิชย์เข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง กรอบวงเงิน 10,300 ล้านบาท ซึ่งสามารถกู้เงินไปเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพได้ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี โดยจ่ายเองร้อยละ 4 ต่อปี และรัฐชดเชยร้อยละ 3 ต่อปี โครงการนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี กำหนดชำระคืนเงินกู้ให้เสร็จภายในระยะเวลา 7 ปี นับตั้งแต่วันที่กู้
รูปแบบสินเชื่อแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็ง เป็นต้น และสินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เพื่อเป็นเงินทุนในการปรับปรุงเรือ ปรับเปลี่ยนเครื่องมือและอุปกรณ์ทำการประมง โดยมีธนาคารของรัฐที่เข้าร่วม 2 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ปล่อยวงเงินสินเชื่อ 5,300 ล้านบาท สนับสนุนเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ ที่มีขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส วงเงินรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท และธนาคารออมสิน ปล่อยวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท สนับสนุนเรือประมงพาณิชย์ ที่มีขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป วงเงินรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท
นายบัญชา กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของชาวประมงพื้นบ้านและชาวประมงพาณิชย์ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นบุคคลธรรมดา อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ สัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ครอบครองในเรือประมงที่มีทะเบียนเรือไทย เป็นผู้ประกอบการประมงที่มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี กรณีเป็นผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ต้องมีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ รวมทั้งไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการได้รับใบอนุญาตทำการประมง ตามมาตรา 39 แห่งพระราชการกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และไม่เป็นผู้ที่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการประมง
สำหรับหลักประกันการกู้เงินให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่มีหนังสือแสดงเอกสารสิทธิสามารถจดทะเบียนจำนองได้ หรืออาคารชุด เรือประมงที่มีการจดทะเบียนเรือไทยถูกต้องตามกฎหมาย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) บุคคลค้ำประกัน และหลักประกันอื่นๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการประมงที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ สามารถยื่นความประสงค์ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 - 25 พฤษภาคม 2564 ได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล และสำนักงานประมงกรุงเทพมหานคร ตามพื้นที่ที่เรือประมงลำที่ยื่นกู้ทำการประมง พร้อมแนบหนังสือรับรองการเข้าร่วมโครงการจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยหรือสมาคมประมงในพื้นที่หรือสมาคมประมงพื้นบ้านในพื้นที่ กรณีที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมใด ๆ สามารถติดต่อขอหนังสือรับรองได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดที่ยื่นคำขอ
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการไปยังสำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่ง รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังสมาคมประมงต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ให้กับชาวประมงได้รับทราบโครงการดังกล่าว ซึ่งหวังว่าโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงที่รายได้ลดลงและกลับมาประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงได้มากขึ้น โดยสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www4.fisheries.go.th หรือโทร. 02-561-3353 ในวันเวลาราชการ
รูปแบบสินเชื่อแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สินเชื่อเงินกู้ระยะสั้น เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็ง เป็นต้น และสินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เพื่อเป็นเงินทุนในการปรับปรุงเรือ ปรับเปลี่ยนเครื่องมือและอุปกรณ์ทำการประมง โดยมีธนาคารของรัฐที่เข้าร่วม 2 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) ปล่อยวงเงินสินเชื่อ 5,300 ล้านบาท สนับสนุนเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ ที่มีขนาดต่ำกว่า 60 ตันกรอส วงเงินรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท และธนาคารออมสิน ปล่อยวงเงินสินเชื่อ 5,000 ล้านบาท สนับสนุนเรือประมงพาณิชย์ ที่มีขนาดตั้งแต่ 60 ตันกรอสขึ้นไป วงเงินรายละไม่เกิน 10 ล้านบาท
นายบัญชา กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของชาวประมงพื้นบ้านและชาวประมงพาณิชย์ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ ต้องเป็นบุคคลธรรมดา อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ สัญชาติไทย หรือเป็นนิติบุคคลที่จดทะเบียนตามกฎหมายไทย เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิ์ครอบครองในเรือประมงที่มีทะเบียนเรือไทย เป็นผู้ประกอบการประมงที่มีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี กรณีเป็นผู้ประกอบการประมงพาณิชย์ต้องมีใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ รวมทั้งไม่เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามในการได้รับใบอนุญาตทำการประมง ตามมาตรา 39 แห่งพระราชการกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 และไม่เป็นผู้ที่ที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีตามกฎหมายว่าด้วยการประมง
สำหรับหลักประกันการกู้เงินให้ใช้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างรวมกัน ได้แก่ ที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่มีหนังสือแสดงเอกสารสิทธิสามารถจดทะเบียนจำนองได้ หรืออาคารชุด เรือประมงที่มีการจดทะเบียนเรือไทยถูกต้องตามกฎหมาย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) บุคคลค้ำประกัน และหลักประกันอื่นๆ ตามที่ธนาคารกำหนด
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการประมงที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ สามารถยื่นความประสงค์ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 - 25 พฤษภาคม 2564 ได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดทั้ง 22 จังหวัดชายทะเล และสำนักงานประมงกรุงเทพมหานคร ตามพื้นที่ที่เรือประมงลำที่ยื่นกู้ทำการประมง พร้อมแนบหนังสือรับรองการเข้าร่วมโครงการจากสมาคมการประมงแห่งประเทศไทยหรือสมาคมประมงในพื้นที่หรือสมาคมประมงพื้นบ้านในพื้นที่ กรณีที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมใด ๆ สามารถติดต่อขอหนังสือรับรองได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดที่ยื่นคำขอ
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการไปยังสำนักงานประมงจังหวัดทุกแห่ง รวมทั้งขอความร่วมมือไปยังสมาคมประมงต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ให้กับชาวประมงได้รับทราบโครงการดังกล่าว ซึ่งหวังว่าโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงจะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงที่รายได้ลดลงและกลับมาประกอบอาชีพให้เกิดความมั่นคงได้มากขึ้น โดยสอบถามรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www4.fisheries.go.th หรือโทร. 02-561-3353 ในวันเวลาราชการ