นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับการร้องขอมาจากภิกษุสงฆ์หลายจังหวัดทั่วประเทศ กรณีที่ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมาถึงมาตรการเยียวยาพระสงฆ์ จากสถานการณ์โควิด-19 เพียงรูปละ 60 บาทต่อวันนั้น โดยเงินช่วยเหลือเยียวยาพระสงฆ์ในวัดต่างๆ ทั่วประเทศที่รัฐบาลออกมาแถลงจะจัดสรรให้ดังกล่าวนั้น ไม่ตอบโจทย์ต่อความเป็นจริง แม้ว่าพระสงฆ์จะเป็นผู้ปล่อยวางละกิเลสแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีความจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายในการครองสมณะเพศ ด้วยจากศีลของพระไม่สามารถที่จะไปซื้อภัตตาหารมาขบฉันเหมือนญาติโยมได้ แต่พระมีภารกิจที่อาจต้องใช้เงินอีกมากมายที่จะต้องปฏิบัติ อีกมาก รวมทั้งทางวัดก็มีภาระที่จะต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เป็นค่าส่วนกลางแต่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิก-19 มักไม่มีญาติโยมมาทำบุญเลยหรือมีก็น้อยมาก รัฐควรจะให้การเยียวยาด้านค่าสาธารณูปโภคกับทางวัดด้วย
ทั้งนี้ หากมองตามหลักรัฐธรรมนูญ ประชาชนชาวไทยทุกคนควรมีสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมือง สิทธิทางสังคม สิทธิทางเศรษฐกิจ สิทธิทางวัฒนธรรมเท่าเทียมกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ แต่พระสงฆ์กลับถูกตัดสิทธิ์ไปแทบทั้งหมด กลายเป็นบุคคลชั้นสอง โดยเฉพาะสิทธิทางเศรษฐกิจ จึงเห็นว่าควรมีการช่วยเหลือพระให้มากกว่านี้อย่าให้เกิดความรู้สึกว่าพระเป็นบุคคลชั้นสองของประเทศ ไม่เหมือนศาสนาอื่นที่รัฐทุ่มเทถึงขนาดบัญญัติกฎหมายมาปกป้อง ส่งเสริม ดูแล อาทิ การบริการให้เดินทางไปแสวงบุญโดยเครื่องบิน ไปทำศาสนพิธีทางศาสนาในแต่ละปียังต่างประเทศได้ ฯลฯ
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะเดินทางไปร้องเรียนต่อกรรมการธิการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้ช่วยพิจารณาหารือกันในการทำข้อเสนอ หรือแนะนำไปยังรัฐบาลเพื่อหาทิศทางช่วยเหลือพระสงฆ์ให้มากขึ้นกว่ารูปละ 60 บาท/วัน ซึ่งอาจจะประมาณกึ่งหนึ่งของอัตราค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ หรือประมาณ 150 บาทต่อรูป/วัน และการเสนอให้หน่วยงานทางด้านสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า ประปา ได้ยกเว้นการเก็บค่าไฟฟ้า และค่าประปากับวัดต่างๆ ทั่วประเทศได้ ก็จะยิ่งเป็นบุญกุศลต่อพระสงฆ์ และพระศาสนายิ่งๆ ขึ้นไป โดยจะไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 17 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ณ รัฐสภาเกียกกาย