นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กล่าวถึงเรื่องการเสนอผ่อนผันเปิดเรียนโรงเรียนนานาชาติวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้จัดทำข้อเสนอทบทวนการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนเอกชนประเภทนานาชาติ ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยข้อมูลมาตรการป้องกันโควิด-19 ในโรงเรียน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ขณะนี้รอการพิจารณาอนุมัติ หากได้รับความเห็นชอบ ก็จะออกประกาศในวันที่ 29 พฤษภาคม เพื่อทำการเปิดเรียนในวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 2563
ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมีจำนวนถึง 216 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2552 เป็นเท่าตัว มีการจัดการเรียนการสอนแตกต่างกันไปตามหลักสูตรของแต่ละที่ แบ่งเป็นแบบเปิดสอน 2 ภาคเรียน จำนวน 81 แห่ง และเปิดสอน 3 ภาคเรียน จำนวน 135 แห่ง จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา โรงเรียนนานาชาติได้รับความนิยมมากขึ้น และมีแนวโน้มในการขยายสู่ภูมิภาคมากขึ้นด้วย
การจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ จะมีการเปิดภาคเรียนที่ 1 อยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม– มิถุนายน จำนวน 11 แห่ง เป็นภาคเรียนที่ 3 จำนวน 201 แห่ง ส่วนในเดือนมิถุนายน จะเป็นเดือนสุดท้ายของปีการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติจำนวน 201 แห่ง และเดือนกรกฎาคม จะเป็นเดือนของการปิดภาคเรียน จำนวน 197 แห่ง
ดังนั้น หากการเปิดภาคเรียนตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ในวันที่ 1 กรกฎาคม อาจทำให้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับโรงเรียนนานาชาติ จึงเป็นสาเหตุของการขอผ่อนผันให้โรงเรียนนานาชาติสามารถทำการเปิดเรียนได้ตั้งแต่ 1 มิถุนายน
ขณะเดียวกัน โรงเรียนนานาชาติมีปัจจัยความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับมาตรการป้องการโรคโควิด–19 ได้แก่ มีนักเรียนต่อห้อง 20-25 คน (ส่วนใหญ่ 10-20 คน) มีพื้นที่โรงเรียนกว้าง มีห้องเรียนห้องกิจกรรม เพียงพอ มีจำนวนครู-บุคลากรต่อนักเรียนเฉลี่ย 1:10 (อนุบาล 1:7)
นอกจากนี้ นักเรียนต่างชาติของโรงเรียนนานาชาติทั้งหมด ซึ่งเป็นผู้พำนักอยู่เดิมในไทยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และโรงเรียนมีระบบสอนออนไลน์อยู่แล้ว ทำให้นักเรียนเข้ามาในโรงเรียนช่วงสั้นๆ สามารถติดตามนักเรียนได้ง่ายในกรณีที่มีปัญหาสุขภาพ