โฆษกรัฐบาล แถลง ครม.เห็นชอบต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน ตั้งแต่ 1-30 มิ.ย.นี้ นายกฯ แจง ครม.พิจารณารอบด้าน สั่ง ศธ.ปรับแผนการสอนเหมาะสมแต่ละพื้นที่ ไม่สร้างภาระ นร.- ผู้ปกครอง
วันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-30 มิ.ย.เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยในที่ประชุม ศบค. เมื่อวันที่ 21 พ.ค.มีความเห็นสอดคล้องกัน ว่า การบังคับใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ยังมีความจำเป็น เนื่องจากจะช่วยสร้างระบบการบริหารจัดการในเชิงบูรณาการที่ดีให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อชะลอ ควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ช่วยสนับสนุนให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความเป็นเอกภาพ รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง รวมทั้งสร้างมาตรฐานกลางด้านสาธารณสุข และช่วยเยียวยาประชาชนได้อย่างครอบคลุมภาพรวมของประเทศอีกด้วย ทั้งไทยอยู่ในช่วงการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการบังคับใช้กฎหมายสำหรับในระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคในระดับสูง จึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ และในระยะเวลาที่เหมาะสม นายกฯ สั่งเตรียมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว
นางนฤมล กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวก่อนการประชุม ครม.เน้นย้ำถึงการพิจารณาขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ว่า เป็นไปตามข้อเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้าน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือควบคุมโรคให้มีประสิทธิภาพ รองรับการผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 และ 4 หลังจากผ่อนคลายมาตรการในระยะที่ 3 แล้ว จะต้องส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานมากขึ้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการด้านการท่องเที่ยว เน้นเรื่องความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ส่วนของการจัดการประชุมสัมมนานั้น ขอให้เตรียมมาตรการรองรับอย่างเข้มงวด พร้อมเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณโดยเฉพาะจัดซื้อจัดจ้าง เน้นซื้อสินค้าภายในประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงซื้อจากเอสเอ็มอี ที่ขึ้นทะเบียนของชุมชนเพื่อสร้างวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง สำหรับเรื่องการเรียนการสอน นายกฯขอให้กระทรวงศึกษาธิการปรับแผนการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ไม่กระทบสร้างภาระให้นักเรียนและผู้ปกครอง พร้อมกับกำชับให้สร้างความเข้าใจต่อนักเรียนและผู้ปกครอง ว่า เป็นเพียงมาตรการการเรียนการสอนชั่วคราวเท่านั้น หากสถานการณ์ดีขึ้นจะกลับมาเรียนตามปกติ ขอให้ผู้ปกครองและนักเรียนอย่าวิตกกังวล