นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ได้ดำเนินโครงการระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการบริหารระบบเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ระยะที่ 1 ตั้งแต่ปี 2549 มูลค่า 1,200 ล้านบาท ในระยะเวลาของโครงการ 7 ปี โดยการประกวดราคา ซึ่งได้กลุ่มร่วมทำงาน(Consortium) ระหว่างบริษัท Platt Nera และบริษัท G-able เป็นผู้ดำเนินการ และมีบริษัท Data One เป็นผู้รับเหมาช่วง และต่อมาในปี 2554 ก่อนหมดสัญญาโครงการ ธ.ก.ส.ได้แก้ไขสัญญาให้แก่กลุ่มร่วมทำงานเดิมไปอีก 7 ปี โดยเพิ่มมูลค่าของโครงการอีกกว่า 2,000 ล้านบาทโดยไม่มีการประกวดราคา ทำให้กลุ่มร่วมทำงานดังกล่าวผูกขาดระบบ ATM ของ ธ.ก.ส.เป็นเวลายาวถึง 14 ปีที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อ 24 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ธ.ก.ส.ได้เปิดประมูลโครงการระยะที่ 3 ต่อระยะเวลาไปอีก 7 ปีมูลค่ากว่า 3,100 ล้านบาท โดยมีการจัดทำทีโออาร์ที่มีพิรุธ ซึ่งส่อไปในทางที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มร่วมทำงานรายเดิมๆ เท่านั้น เนื่องจากมีการกำหนดเงื่อนไขในทีโออาร์ที่ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ที่ไม่มีสายสัมพันธ์กับผู้บริหาร ธ.ก.ส. ไม่กล้าที่จะเข้าร่วมประกวดราคาแข่งขันมากนัก เช่น ผู้ยื่นข้อเสนอต้องเคยมีผลงานการบริหารจัดการ ATM ของสถาบันการเงินในประเทศไทยโดยมีหนังสือรับรองจากสถาบันการเงินนั้นๆ และผู้ชนะการประมูลจะต้องซื้อซากเครื่อง ATM ซากเครื่องปรับอากาศทั้งหมดตามราคาที่ ธ.ก.ส.กำหนด และเงื่อนไขอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้นการประกวดราคาครั้งนี้ จึงอาจเป็นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม สามารถกำหนดราคาได้ ทำให้ ธ.ก.ส. และรัฐเสียประโยชน์ ทั้งๆ ที่ประเทศชาติอยู่ในช่วงวิกฤตของการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่องค์กรของรัฐกลับใช้โอกาสในช่วงที่รัฐกำลังสาระวนอยู่กับการแก้ไขปัญหาโควิด-19 มาดำเนินการเร่งรีบในการจัดหาผู้ประมูลบริหารเครื่อง ATM ดังกล่าว
นอกจากนั้น ยังเป็นช่วงที่ ธ.ก.ส.กำลังประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการ ธ.ก.ส. คนใหม่จนถึง 12 มิ.ย.63 ซึ่งไม่ควรที่จะเร่งรีบเปิดประมูลในช่วงนี้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อแนวทางปฏิบัติที่คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุ (คณะกรรมการวินิจฉัย)โดยได้รับการมอบหมายจากคณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ตาม พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 ม.8 วรรคหนึ่ง (2) ที่บัญญัติให้การจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐต้องโปร่งใส โดยต้องกระทำโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม มีการปฏิบัติต่อผู้ประกอบการทุกรายโดยเท่าเทียมกัน ฯลฯ
การกระทำดังกล่าว เพื่อความโปร่งใสสมาคมฯจำต้องนำความไปร้องเรียนต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อขอให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.การตรวจเงินแผ่นดิน 2561 ในการตรวจสอบข้อพิรุธต่าง ๆ ข้างต้นในวันศุกร์ที่ 22 พ.ค.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซ.อารีย์ เขตพญาไท เพื่อตรวจสอบและพิสูจน์ข้อพิรุธดังกล่าวต่อไป