สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้มีคติธรรม เนื่องในวันวิสาขบูชา ในวันที่ 6 พ.ค. ปีพุทธศักราช 2563 ใจความว่า ดิถีวิสาขบูชาอันเป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นวันสำคัญสากลของโลก มีกาลกำหนดขึ้นไว้เป็นนักขัตฤกษ์พิเศษ เพื่อให้พุทธบริษัทได้กระทำสักการบูชา แด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยดวงจิตตั้งมั่นในความเชื่อ และความเลื่อมใสต่อพระพุทธคุณ ซึ่งเป็นโอสถวิเศษ และเป็นเครื่องป้องกันสรรพพิบัติภัยทั้งปวง
ภัยใหญ่หลวงสำหรับทุกชีวิต ตามหลักพระพุทธศาสนามี 3 ประการ กล่าวคือ ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ไม่มีภัยอื่นใด ที่ผู้คนหวาดหวั่นครั่มคร้าม ไปมากกว่าภัยทั้งสามประการนี้อีกแล้ว พระพุทธองค์ผู้ทรงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ ได้โปรดประทานหนทางดับภัยไว้แล้วแก่โลก กล่าวคือ “อริยมรรค” ซึ่งเป็นไปเพื่อละเพื่อล่วงพ้นภัยย่อมดับเหตุแห่งการเกิดที่นำไปสู่ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ได้อย่างสิ้นเชิงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระปัจฉิมวาจาก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า“วยธมฺมา สงฺขารา อปฺปมาเทน สมฺปาเทถ” แปลความว่า “สังขารมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”
จึงขอทุกท่าน หันกลับมาพิจารณาชีวิตของตนๆ ผู้คนล้วนกำลังเผชิญภยันตรายกันอยู่ทั่วหน้า โดยไม่อาจทราบได้ว่า ความเจ็บและความตายจะมาถึงเมื่อไร ขอจงเร่งสั่งสมอบรม “ความไม่ประมาท”ให้ถึงพร้อม ขอจงเร่งขวนขวายสั่งสม เพิ่มพูนกุศลธรรมให้เจริญงอกงามขึ้นในตน เพื่อผลคือ “สติ” และ “ปัญญา”อันสามารถช่วย ให้ล่วงพ้นจากภัยได้ ในที่ทุกสถานและในกาลทุกเมื่อ ขอสาธุชน อย่าละเลยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา อันนับเป็น “ปฏิบัติบูชา” ที่พึงกระทำต่อพระรัตนตรัย เพื่อความดำรงคงมั่น แห่งพระสัทธรรม /ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นประทีปส่องใจเวไนยนิกรทั้งปวงสืบไปตลอดกาลนานเทอญ.