สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกัง กิม หยง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสิงคโปร์ แถลงว่า แม้มาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ ซึ่งเป็นมาตรการทางสังคมเพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสิงคโปร์ ซึ่งบังคับใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา จะมีผลจนถึงวันที่ 1 มิถุนายน แต่ในระยะหลังอัตราการแพร่ระบาดของโรคภายในชุมชนลดลงมาก รัฐบาลจึงมีมติเตรียมผ่อนคลายมาตรการจำกัดบางข้อเพื่อให้ธุรกิจบางประเภทสามารถกลับมาเปิดบริการได้ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป โดยส่วนใหญ่จะเป็นสถานประกอบการเกี่ยวกับอาหาร อาทิ ธุรกิจครอบครัวที่เปิดบริการเป็นร้านอาหาร ร้านเสริมสวยและบาร์เบอร์ และร้านให้บริการซักรีดเสื้อผ้า
ขณะที่โรงเรียนจะเตรียมจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคมนี้ แต่จะเริ่มจากการจำกัดกลุ่มย่อยขนาดเล็ก โดยเน้นนักเรียนที่เดิมที่กำลังอยู่ในช่วงใกล้สอบ และนักเรียนซึ่งอยู่ในปีการศึกษาสุดท้าย ซึ่งต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ยังยกเว้นเป็นกรณีพิเศษให้กับบริการฝังเข็มของคลินิกแพทย์จีนแผนโบราณด้วย โดยจะสามารถกลับมาให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษาคมนี้
ปัจจุบันสิงคโปร์มีผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คืออย่างน้อย 17,548 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยเพิ่มอีก 447 คน ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด ส่วนใหญ่เป็นการแพร่ระบาดแบบเป็นกลุ่มก้อนในหอพักแรงงานต่างชาติ จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 16 คน ซึ่งผู้เสียชีวิตคนล่าสุดคือ ผู้ป่วยคนที่ 2,728 เป็นชายชาวสิงคโปร์ อายุ 60 ปี ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศในรอบ 14 วันก่อนล้มป่วย แต่มีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตและไขมันในเลือดสูง ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 13 เมษายน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ที่ผ่านมา