นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การผ่อนปรนมาตรการภาคธุรกิจต่างๆ ที่จะกลับมาเริ่มเปิดบริการได้ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ เพื่อให้เปิดเมืองอย่างปลอดภัย ในอนาคตเตรียมจ้างงานผู้ที่ว่างงานมาทำงานในรูปแบบของอาสาสมัครรอบรู้สุขภาพ คอยสอดส่องดูแล ความปลอดภัยในบริการต่างๆ ที่จะเปิดขึ้น และยังเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทาง การเปิดให้มีการตรวจสอบซึ่ง กันและกัน ทั้งในผู้ใช้บริการ และผู้ประกอบการ เช่น ร้านอาหาร หากเข้าไปใช้บริการ พบว่าไม่มีการเว้นระยะ ความหนาแน่น ไม่มีการวัดไข้ เจลล้างมือ สามารถแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันที่จัดทำขึ้น และในอนาคตหากทำดีต่อไป จะมีการจัดเรทติ้งให้กับร้านที่มีความสะอาดปลอดภัยจากโควิด-19 จากภาครัฐ และกระทรวงสาธารณสุข เป็นโอกาสในอนาคต พลิกฟื้นด้านการท่องเที่ยว กลายเป็นประเทศที่สะอาดปลอดภัย น่าท่องเที่ยวไปทั่วโลก
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับกิจการที่ได้รับการผ่อนปรน เมื่อเปิดกิจการ สิ่งที่ต้องมีการทบทวนและดำเนินการอย่างเข้มงวด คือ ความสะอาด พนักงานผู้ให้บริการต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน มีการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า คนให้บริการต้องมีสุขภาพที่ดี พร้อมจัดบริการทั้งอ่างล้างมือ หรือเจลล้างมือให้เมื่อเข้ามาใช้บริการ คนที่ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นบางเวลา เช่น กรณีการรับประทานอาหาร ทางร้านต้องจัดการเว้นระยะห่าง จัดรูปแบบกิจกรรม ทำให้จุดบริการมีการเว้นระยะห่าง หรือให้บริการสั้นที่สุด อาศัยการควบคุมจำนวนคน ถ้าเป็นพื้นที่กิจกรรมกีฬา เน้นเฉพาะการออกกำลังกาย ไม่มีการรับประทานอาหาร
ขณะที่มาตรการผ่อนปรนในร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ต้องดูแลตั้งแต่จุดทางเข้า มีการคัดกรอง วัดไข้ คนให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า มีการทำความสะอาด อุปกรณ์เป็นรอบ ทุกครั้งที่ให้บริการเสร็จในลูกค้าแต่ละคน มีการเก็บทำความสะอาดเก้าอี้ที่จัดบริการ ผมที่ถูกตัดต้องเก็บทิ้งทันที ซึ่งผู้มารับบริการแต่ละคนต้องมีการเช็กอินและเช็กเอาต์ในไลน์ของร้านค้าทุกครั้ง เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลในสอบสวนโรคในอนาคต หากมีใครติดเชื้อโควิด-19 ส่วนผู้ประกอบการต้องเข้าไปสอบทานข้อมูลก่อนเปิดกิจการในวันพรุ่งนี้ ได้ที่แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ ไทยสต็อปโควิด (THAI STOP COVID ) ของกรมอนามัย ว่าธุรกิจของตนเองต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เพื่อความมั่นใจ
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า การปิดกิจการภาคธุรกิจจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย แต่เมื่อเปิดบริการแล้ว ต้องปลอดภัยและมีมาตรการมารองรับ ซึ่งมาตรการผ่อนปรนที่ออกมานี้ ผ่านการคิดวิเคราะห์โดยหอการค้าจังหวัด และภาคธุรกิจอื่นๆ ร่วมกับแพทย์ระบาดวิทยา โดยจัดความเสี่ยงเป็นธุรกิจเสี่ยงสูง ต่ำ กลาง เมื่อเปิดเมืองมาปกติ มาตรการที่ออกมาเป็นกฎหมาย แต่การบังคับใช้ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน เพราะกฎหมายอาจไม่เพียงพอในการบังคับใช้ ขณะนี้กระทรวงการคลัง มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยมาช่วยดูแล ประสานความร่วมมือ เชื่อมโยงข้อมูลส่งเสริมข้อมูลที่ถูกต้อง ปลอดภัย ผ่านเว็บไซต์ thai.care (ไทยดอทแคร์) ขอความร่วมมือภาคธุรกิจเข้าไปลงทะเบียน เพื่อประเมินความเสี่ยงของธุรกิจตนเอง และรับข้อปฏิบัติ
ขณะเดียวกัน ภาคประชาชน เมื่อใช้บริการ ขอความร่วมมือเข้าไปเช็กอินเช็กเอาต์ผ่านระบบไลน์ ที่ทุกคนสามารถเป็นเพื่อนได้ง่าย และมีคนใช้บริการมากถึง 44 ล้านคน เชื่อมั่นว่าหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 รูปแบบกิจการและการทำงานของประชาชนจะเปลี่ยนไป คนจะหันมา Work from Home กันมากขึ้นเนื่องจากสะดวก
แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สำหรับกิจการที่ได้รับการผ่อนปรน เมื่อเปิดกิจการ สิ่งที่ต้องมีการทบทวนและดำเนินการอย่างเข้มงวด คือ ความสะอาด พนักงานผู้ให้บริการต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน มีการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า คนให้บริการต้องมีสุขภาพที่ดี พร้อมจัดบริการทั้งอ่างล้างมือ หรือเจลล้างมือให้เมื่อเข้ามาใช้บริการ คนที่ใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นบางเวลา เช่น กรณีการรับประทานอาหาร ทางร้านต้องจัดการเว้นระยะห่าง จัดรูปแบบกิจกรรม ทำให้จุดบริการมีการเว้นระยะห่าง หรือให้บริการสั้นที่สุด อาศัยการควบคุมจำนวนคน ถ้าเป็นพื้นที่กิจกรรมกีฬา เน้นเฉพาะการออกกำลังกาย ไม่มีการรับประทานอาหาร
ขณะที่มาตรการผ่อนปรนในร้านเสริมสวย ร้านตัดผม ต้องดูแลตั้งแต่จุดทางเข้า มีการคัดกรอง วัดไข้ คนให้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า มีการทำความสะอาด อุปกรณ์เป็นรอบ ทุกครั้งที่ให้บริการเสร็จในลูกค้าแต่ละคน มีการเก็บทำความสะอาดเก้าอี้ที่จัดบริการ ผมที่ถูกตัดต้องเก็บทิ้งทันที ซึ่งผู้มารับบริการแต่ละคนต้องมีการเช็กอินและเช็กเอาต์ในไลน์ของร้านค้าทุกครั้ง เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลในสอบสวนโรคในอนาคต หากมีใครติดเชื้อโควิด-19 ส่วนผู้ประกอบการต้องเข้าไปสอบทานข้อมูลก่อนเปิดกิจการในวันพรุ่งนี้ ได้ที่แพลตฟอร์ม เว็บไซต์ ไทยสต็อปโควิด (THAI STOP COVID ) ของกรมอนามัย ว่าธุรกิจของตนเองต้องทำอะไรอย่างไรบ้าง เพื่อความมั่นใจ
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า การปิดกิจการภาคธุรกิจจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย แต่เมื่อเปิดบริการแล้ว ต้องปลอดภัยและมีมาตรการมารองรับ ซึ่งมาตรการผ่อนปรนที่ออกมานี้ ผ่านการคิดวิเคราะห์โดยหอการค้าจังหวัด และภาคธุรกิจอื่นๆ ร่วมกับแพทย์ระบาดวิทยา โดยจัดความเสี่ยงเป็นธุรกิจเสี่ยงสูง ต่ำ กลาง เมื่อเปิดเมืองมาปกติ มาตรการที่ออกมาเป็นกฎหมาย แต่การบังคับใช้ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน เพราะกฎหมายอาจไม่เพียงพอในการบังคับใช้ ขณะนี้กระทรวงการคลัง มอบหมายให้ธนาคารกรุงไทยมาช่วยดูแล ประสานความร่วมมือ เชื่อมโยงข้อมูลส่งเสริมข้อมูลที่ถูกต้อง ปลอดภัย ผ่านเว็บไซต์ thai.care (ไทยดอทแคร์) ขอความร่วมมือภาคธุรกิจเข้าไปลงทะเบียน เพื่อประเมินความเสี่ยงของธุรกิจตนเอง และรับข้อปฏิบัติ
ขณะเดียวกัน ภาคประชาชน เมื่อใช้บริการ ขอความร่วมมือเข้าไปเช็กอินเช็กเอาต์ผ่านระบบไลน์ ที่ทุกคนสามารถเป็นเพื่อนได้ง่าย และมีคนใช้บริการมากถึง 44 ล้านคน เชื่อมั่นว่าหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 รูปแบบกิจการและการทำงานของประชาชนจะเปลี่ยนไป คนจะหันมา Work from Home กันมากขึ้นเนื่องจากสะดวก