นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก อำพล จินดาวัฒนะ ระบุว่า“โควิดสอนคน”ตอนที่1 : ขาดทุนคือกำไร
“สงครามโรคโควิด” กำลังขยายพื้นที่แพร่ระบาดไปทั่วโลก ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลง แต่ละประเทศรับมือกันจ้าละหวั่น
ทุกประเทศไม่ว่ามั่งคั่งหรือล้าหลัง ทุกคนไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า บ้างก็เสียชีวิต บางก็เจ็บป่วย บ้างก็ตกงาน บ้างก็ไม่มีจะกิน บ้างก็ถูกจำกัดเสรีภาพ ฯลฯ
การพัฒนาทั้งหลายหยุดนิ่งเศรษฐกิจหยุดชะงัก และตกต่ำกระทบกันไปทั้งโลก
ทุกคน”ขาดทุน” มากบ้าง น้อยบางเคล้าคละกันไป เมื่อคนถูกเชื้อโรคตัวกระจิ๊ดที่มองไม่เห็น อาละวาดขาดทุนเงินทอง วัตถุ ข้าวปลาอาหาร อาชีพ และความสะดวกสบายทุกด้าน
เมื่อต้องขาดทุน เราควรได้กำไรจากวิกฤติที่เกิดขึ้น นั่นคือ เราควรได้”ปัญญา”เพิ่ม
คือฉลาดขึ้นกว่าเดิม เราควรรู้ว่าที่ผ่านมา เราเบียดเบียนโลก เบียดเบียนธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เบียดเบียนกันเอง และเบียดเบียนสรรพสิ่งมากเกินไป
โลกจึงขอ “เอาคืน”โลกหลังโควิดควรเป็นโลกที่คน -สัตว์-สิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล การพัฒนาควรสมดุล
ควรเอา “ชีวิตและการอยู่ร่วมกันเป็นตัวตั้ง”
ไม่ไช่เอาแต่เงิน เอาแต่ทุน เอาแต่ความมั่งคั่งร่ำรวยเป็นตัวตั้ง แล้วแก่งแย่งกัน เอาให้ได้มากๆไม่รู้จักพอ อย่างที่ผ่านๆมา
รวยมากๆ กำไรมากๆ ก็เอามาซื้อชีวิตไม่ได้ ซื้อสุขภาพไม่ได้ ซื้อความสุขไม่ได้ หลายๆประเทศ หลายๆคนกำลังแสดงให้เราเห็นๆกับตาในทุกวันนี้
ที่เคยมั่งคั่ง ที่เคยร่ำรวย ที่เคยเป็นมหาอำนาจ ยิ่งแสดงความเห็นแต่ตัว ก็ยิ่งมีแต่เสีย ยิ่งขาดทุนในทุกมิติ รวมไปถึงการขาดทุนในความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นการขาดทุนที่ร้ายแรง
ถ้าคิดไม่ได้ ปัญญาไม่เกิด ก็ไม่มีทางได้กำไร เมืองไทยเราไม่รวยมาก ไม่มั่งคั่ง แต่เมื่อเจอสงครามโควิด เรากลับรับมือกันได้ดี ทุกฝ่ายช่วยเหลือร่วมมือกัน ร่วมด้วยช่วยกัน เฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยสุขกันอย่างน่าประทับใจ (จะมีตีกัน ขัดแย้งกันบ้าง เกเรกันบ้าง ก็เพียงเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคม)
เราทุกคนต่าง”ขาดทุนทางวัตถุ” แต่ดูเหมือนว่า เรากำลัง “ได้กำไรทางปัญญา” ที่อาจเรียกว่า“วิกฤติมา ปัญญาเกิด” ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงสอนเราว่า “ขาดทุนคือกำไร” วันนั้นไม่ค่อยเข้าใจ วันนี้เข้าใจแล้ว