นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า Save จุรินทร์ Save ปชป. ให้ถูกทาง เห็น ส.ส.ปชป.หลายท่านที่ผมคุ้นเคยออกมา Save คุณจุรินทร์ และ Save ปชป. ก็เข้าใจได้ว่า ถึงเวลาที่ ส.ส.ของพรรคต้องมาช่วยกันปกป้อง ผมเองก็คุ้นเคยกับคุณจุรินทร์ มามากกว่า 30 ปี นับแต่เรียนปริญญาโทที่นิด้าด้วยกัน และเห็นว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส.น้ำดีมากคนหนึ่งในช่วงนั้น (ช่วงลง ส.ส.ครั้งแรกแล้วแพ้คุณบรม ตันเถียร ส.ส.พังงา) แต่วิธีการที่จะ Save คุณจุรินทร์ และพรรค ควรทำความจริงให้กระจ่างและจัดการการทุจริตอย่างจริงจัง มากกว่า การตอบโต้ทางการเมืองและดำเนินคดีกับคนอื่นๆ 1. เร่งสอบสวนเลย ว่า ช่วงก่อนประกาศห้ามส่งออกหน้ากากอนามัย เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2563 การที่มีโรงงาน ผู้ส่งออก เร่งการส่งออกหน้ากากอนามัยนับร้อยตันนั้น ได้รับสัญญาณใดจาก “คนของกระทรวงพาณิชย์” หรือไม่ว่า อีกไม่กี่วันจะมีประกาศ เลยทำให้เร่งการส่งออกที่ผิดธรรมชาติ 2. สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกำลังการผลิตที่แท้ของโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยว่า ทำได้จริงเท่าไรกันแน่ เหตุใดจึงแจ้งกระทรวงกลับไปกลับมา เช่นช่วงแรกบอกว่า 100 ล้านชิ้นต่อเดือน ต่อมาเป็น 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน (36 ล้านชิ้นต่อเดือน) ต่อมาเป็น 2.3 ล้านชิ้นต่อวัน (69 ล้านชิ้นต่อเดือน) และตอนนี้มาบอกว่าทำได้ถึง 2.8 ล้านชิ้นต่อวัน (84 ล้านชิ้นต่อเดือน) หากผลิตได้มาก แล้วแจ้งกระทรวงน้อย ส่วนที่ผลิตเกินไปอยู่ที่ไหน 3. สอบสวนรายละเอียดให้แน่ชัดว่า ระหว่างมีประกาศห้ามการส่งออก (4 ก.พ. 2563) ยังมีโรงงานจำนวนหนึ่งสามารถส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างประเทศได้โดยการอนุญาตของเลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (อธิบดีกรมการค้าภายใน) ด้วยอ้างเรื่อง BOI และ สินค้าลิขสิทธิ์ต่างประเทศ นั้น เป็นการอนุญาตที่สมเหตุสมผล หรือ มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้ส่งออก หากมีการแสวงหาประโยชน์ ใครคือผู้ได้ประโยชน์นั้น 4. กระบวนการส่งหน้ากากอนามัยจากโรงงานไปยังร้านค้าปลีก ร้านขายยา ร้านธงฟ้า ร้านสะดวกซื้อ และ โรงพยาบาลต่างๆ ที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกมาให้สัมภาษณ์เองว่ายกเลิกวิธีการดังกล่าว เนื่องจากมีปัญหาตั้งแต่ต้นทาง คือเรื่องใด ควรสอบสวนและทำความจริงให้กระจ่าง ทำทั้งหมดนี้ได้ ก็ Save คุณจุรินทร์ และ พรรคประชาธิปัตย์ แล้วครับ