xs
xsm
sm
md
lg

“ชูวิทย์”ฝากข้อความสุดท้ายถึง“ทอน”แนะอย่าไว้ใจใครพร้อมหักหลังได้ทุกเมื่อ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ระบุว่า ข้อความสุดท้ายถึง ธนาธร

ภารกิจสุดท้ายของคุณ คือ “การอภิปรายไม่ไว้วางใจ” เสียดายที่คุณไปไม่ถึงสุดทางดั่งที่ตั้งใจไว้ ขอให้กำลังใจคุณให้เรียนรู้ประสบการณ์การเมืองที่แท้จริงในสภาว่า อย่าไว้ใจใคร แม้แต่มิตรการเมืองที่พร้อมหักหลังคุณได้ทุกเมื่อ

ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา การเมืองในสภาคงได้สอนให้คุณเรียนรู้ และมีความฉลาดขึ้น ให้ตระหนักว่า ไม่ใช่แค่ต้องอยู่ให้เป็นเท่านั้น แต่ยังต้องเย็นให้พอ และต้องอดทนรอให้ได้

ไม่มีทางลัดในการเมืองฉบับประชาธิปไตยของไทย การเปลี่ยนแปลงไม่ได้ง่ายอย่างที่คุณใฝ่ฝัน วันนี้เสียดายว่าความฝัน ความทะเยอทะยานของคุณ ได้สิ้นสุดไปอย่างง่ายดาย และรวดเร็ว ทั้งนี้เพราะ ความที่ยังไม่ประสีประสาการเมืองมากพอ และก้าวเดินเร็วเกินไป จนสะดุดล้ม ทำให้คุณพลาดไปอย่างน่าเสียดายยิ่ง ต้องหยุดพักแรงความปรารถนาทางการเมืองไปอย่างน้อย 10 ปี ทั้งๆ ที่จะว่าไปแล้ว

ไม่ได้มีใครไปหยุดฝันของคุณ แต่เป็นเพราะตัวคุณเองแท้ๆ ที่ไม่ย้อนศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยให้ดีเสียก่อน
อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าคุณเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

การที่คุณขออาสาต่อสู้นอกสภา ทำหน้าที่รณรงค์ทางความคิด และการเคลื่อนไหวของสังคมนอกสภา ต่อต้านระบอบเผด็จการร่วมกับประชาชนให้ถึงที่สุด นับเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาคือ เมื่อคุณพลาดเกมการเมืองไปแล้ว อะไรทำให้คุณมั่นใจว่า ประชาชนยังเชื่อใจให้คุณไปขับเคลื่อนนอกสภาอีก

ขนาดบรรดา อดีต ส.ส. สมาชิกพรรคที่คุณปั้นขึ้นมาเองกับมือแท้ๆ ให้โอกาสพวกเขา จากคนธรรมดามาเป็น ส.ส. ในสภาอันทรงเกียรติ ยังหักหลังทรยศคุณได้ลงคอ ด้วยระยะเวลาเพียงไม่ถึง 6 เดือน

ในฐานะประชาชน ที่เคยเลือกพรรคอนาคตใหม่ ต้องการให้พวกคุณเข้าไปต่อสู้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ การณ์กลับเป็นว่า ส.ส. ของคุณ ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนรัฐบาล เป็นค้ำยันนั่งร้านให้กับการสืบทอดอำนาจอย่างหน้าด้านที่สุด และชัดเจนที่สุดของวงการเมืองไทย

ผมต้องการเห็นคนที่กล้าสู้ หัวก้าวหน้า กล้าหาญ และเท่าทันเกมสถานการณ์ในสภาอย่างที่คุณว่า แต่มวลสมาชิกของคุณไม่พร้อมเป็นอย่างยิ่ง เพราะความละอ่อนประสบการณ์การเมืองในสภา ไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอ เมื่อ เป็น ส.ส.ครั้งแรก จึงทนความเย้ายวนของกิเลสการเมืองไม่ไหว
แล้วคุณจะเอาหลักประกันอะไร ให้พวกผมไปเชื่อคุณอีกเล่า

ผมเห็นมามากกับพวกที่ดีแต่ปาก แล้วปล่อยมวลหมู่สมาชิกไปเสวยสุขกับรัฐบาลเผด็จการ หักหลังประชาชน แล้วยังอ้างเอาบุญคุณมาบังหน้า ประชาชนย่อมรู้ว่าหมายถึงพรรคใด

โดยเฉพาะช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานที่ต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ ยิ่งต้องอาศัยคนที่มีชั้นเชิงการเมืองที่เชี่ยวกราก และจังหวะที่ดี ในการล้มรัฐบาลชุดสืบทอดอำนาจต่อยอดบริหาร

แล้วไฉนคุณถึงกล้ามาเสนอหน้าต่อสู้เคลื่อนไหวนอกสภาร่วมกับนักศึกษา และประชาชน ผมว่าคุณฝันไกลเกินไป เพราะกระแสการเมือง มันมีมาแล้วไปเสมอ ไม่มีใครเป็นฮีโร่ได้ตลอดกาล

ซ้ำคุณยังฝันให้มวลสมาชิกที่เหลืออยู่ในสภาต่อสู้ เพื่อหวังการเป็นรัฐบาล และได้ใช้อำนาจที่ดี ที่พี่น้องให้มา เพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองไทย ในเมื่อแม้แต่ตอนคุณเป็นฝ่ายค้านยังทำอะไรให้ดีไม่ได้ในสภา ซ้ำยังถูกพรรคการเมืองเก๋าเกม ตีกินบรรดา ส.ส. ของคุณด้วยเงิน ทรยศอุดมการณ์ หันหลังให้กับประชาชนที่ลงคะแนนให้โอกาสพรรคคุณ แถมมิตรร่วมอุดมการณ์กับคุณ ยังแย่งซีน แย่งเวลาอภิปราย จนไม่เหลือให้สมาชิกอ่อนหัดของคุณ ได้แม้แต่เผยอปากวาดลวดลายอย่างที่ว่าไว้

เชื่อได้หรือว่า บรรดา ส.ส. ที่เหลือของคุณจะสามารถล้มเผด็จการ และจัดตั้งรัฐบาลที่ไม่โกงกิน ไม่คอรัปชั่น ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ทำงานอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปในทิศทางที่คุณฝันไว้ พูดไว้ได้ อย่างกับบทกลอนการเมืองที่กล่อมเกลาเจิดจรัสในยุคแสวงหาความฝัน

ถามจริงๆ วันนี้คุณยังเหลือความมั่นใจไปบอกประชาชนอีกหรือ ไม่ใช่ประชาชนอย่างผมไม่อยากให้โอกาสคุณ แต่ให้ไปแล้ว และผิดหวัง

ผมในฐานะนักการเมืองเก่ารุ่นพี่ ไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง จากประสบการณ์ที่ผ่าน เห็นการเมืองมาตั้งแต่ 6 ตุลา ที่บางคนยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ จนถึงวันนี้ยังติดตามการเมืองอยู่ ขอบอกคุณได้เลยว่า
นักการเมืองที่ไม่มีความสามารถล้มรัฐบาลในสภา แล้วอาศัยการเมืองนอกสภา แอบอิงพิงหลังพลังบริสุทธิ์อย่างประชาชน เรียกร้องทำตัวเป็นฮีโร่ เป็นเรื่องน่าอับอายที่สุด

เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไป ฮีโร่เหล่านั้น มักกลับกลายจากการถูกชื่นชม มาเป็นความน่าขยะแขยงสมเพชของสังคม แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเรายังสู้ไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรถึงต้องไปยุเด็กให้ไปต่อยกับผู้ใหญ่แทน
หากถึงเวลา ทนไม่ไหวจริงๆ นักศึกษา และประชาชนเหล่านั้น ต้องเลือกทางเดินเอง พร้อมแลกกับความสูญเสีย เพราะไม่มีการต่อสู้กับเผด็จการครั้งใดจะง่าย และไม่มีการเสียสละ

การปล่อยให้พลังบริสุทธิ์อย่างนักศึกษาต่อสู้ จึงต้องยอมรับผลเสียที่ตามมา เพราะทุกคนอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่สร้างฝัน ยังไม่เคยออกไปเผชิญกับความจริงในโลกภายนอกที่โหดร้าย และไม่ยุติธรรมด้วยตาตัวเอง

หยุดการยุยง ส่งเสริม สนับสนุน ปลุกระดม ลดความอยากเด่นอยากดังของคุณ แล้วให้พวกเขาเรียนรู้หน้าถัดไปของประวัติศาสตร์การเมืองไทย ในการต่อสู้กับเผด็จการด้วยตัวเองเสียดีกว่า

ไม่อย่างนั้น สิ่งที่จะเลียนแบบเอาอย่างคุณได้ ตอนนี้ก็ได้แต่ตะโกนผ่านไมค์ ปลุกเร้าว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” ถ้ามันง่ายอย่างนั้น ประเทศไทยคงไม่มีรัฐประหารมาถึง 13 ครั้งอย่างนี้หรอก