xs
xsm
sm
md
lg

สธ.เตรียมเพิ่มการเฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางกลับจากพื้นที่พบการระบาด"โควิด-19"

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19 (COVID-19) ว่า ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อในโรงพยาบาล 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย (คนจีน 17 คน และคนไทย 4 คน) รวมสะสม 35 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ถึง 22 กุมภาพันธ์ มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังโรคสะสมทั้งหมด 1,355 ราย แบ่งเป็นคัดกรองจากสนามบิน 68 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,287 ราย รวมคัดกรองไปแล้ว 3,046,342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 284 ราย

จนถึงขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่มีมาตรการจำเพาะและสั่งห้ามไม่ให้เดินทางไปยังประเทศที่พบการแพร่ระบาด ไทยจึงปฏิบัติตามหลักเกณฑ์มาตรฐาน และเพิ่มมาตรการเฝ้าระวัง คัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเหล่านี้อย่างเข้มข้น ครอบคลุมในทุกด่าน รวมทั้งโรงพยาบาล และชุนชน แต่ความสำเร็จของการควบคุมโรค ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนด้วย โดยระยะนี้ขอความร่วมมือผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาดใน 14 ประเทศ อย่าง จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ให้เฝ้าระวังตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หลีกเลี่ยงการใช้บริการขนส่งสาธารณะ พื้นที่แออัด หรือสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมีอาการป่วย และรีบพบแพทย์หากไม่หายจากอาการเจ็บป่วย

นอกจาก 14 ประเทศก่อนหน้านี้ ล่าสุดได้มีการติดตามสถานการณ์เพิ่มเติมอีกสองประเทศ คือ อิตาลี และอิหร่าน ซึ่งขณะนี้สถานการณ์ผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นและมีการติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ส่วนจะประกาศเพิ่มการเฝ้าระวัง และคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากสองประเทศนี้ได้เมื่อไร จะต้องรอผลการประชุมของคณะกรรมการควบคุมโรคในวันพรุ่งนี้ (24 ก.พ.) อีกครั้ง

ส่วนกรณีที่มีผู้ปกครองหลายคนกังวลว่าบุตรหลานจะติดเชื้อโควิด-19 หลังเดินทางไปทัศนศึกษา หรือทำกิจกรรมใดๆ ในประเทศที่พบการแพร่ระบาด และต้องการจะขอตรวจเชื้อ และใบรับรองแพทย์ เพื่อมายืนยันกับสถานศึกษา หรือมหาวิทยาลัย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ไม่แนะนำให้ทำเช่นนั้น เพราะการตรวจหาเชื้อหากไม่มีอาการ ตรวจไปก็จะไม่ได้ผล แต่แนะนำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเช่นเดียวกันกับการเดินทางกลับมาจากประเทศที่พบการแพร่ระบาด โดยจะขอความร่วมมือสถานศึกษา หรือมหาวิทยาลัย จัดให้มีอาจารย์หรือคุณครูหมั่นสังเกตอาการของนักเรียน นักศึกษา อย่างต่อเนื่อง และควรมีระบบการเรียนการสอนที่บ้าน หากอยู่ในช่วงเฝ้าระวัง 14 วัน เหมือนเช่นกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวได้ทำกับกลุ่มนักศึกษาจากประเทศจีนที่กลับมาจากประเทศบ้านเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยการให้เฝ้าระวังตัวเองอยู่ที่สถานที่พักเป็นเวลา 14 วัน ปรับวิธีการเรียนการสอนและการส่งการบ้านได้ทางออนไลน์แทน ผลปรากฏว่าช่วยคัดกรองได้เป็นอย่างดี

ด้านนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองควบคุมโรค กรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการที่มหาวิทยาลัยหัวเฉียวดำเนินการ คือให้นักศึกษาที่เดินทางกลับมาจากจีนให้เฝ้าระวังอาการตัวเอง โดยไม่ต้องเดินทางมามหาวิทยาลัยเป็นเวลา 14 วัน รวมทั้งมีระบบคัดกรองตรวจวัดไข้นักศึกษาทุกวัน จัดการเรียนการสอนออนไลน์ เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ เป็นอีกมาตรการป้องกันควบคุมโรค และเป็นต้นแบบของสถานศึกษาในการช่วยกันป้องกันควบคุมโรคได้เป็นอย่างดี ส่วนในกรณีที่มีผลวิจัยจากในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่าระยะเวลาการฟักตัวของเชื้อโควิด-19 น่าจะขยับเป็น 19-24 วัน ทางประเทศไทยจะมีการขยายระยะเวลาเฝ้าระวังการฟักตัวจากเดิมที่กำหนดไว้ 14 วันหรือไม่ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงยึดหลักตามทฤษฎีระยะเวลา 14 วัน แต่ไม่ได้หมายความว่าครบ 14 วันหากไม่มีอาการก็จะปล่อยตัวกลับบ้าน แต่การคัดกรองจะเฝ้าดูจนกว่าในการก่อตัวของเชื้อโรค จึงขอให้มั่นใจมาตรการการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุขว่าได้ทำอย่างเข้มข้นและดูแลอย่างดีที่สุด