นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ประกอบด้วย มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปี 2562 จากเดิมที่ต้องยื่นแบบและชำระภาษีภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563 โดยให้ขยายเวลาออกไปอีก 3 เดือน คือยื่นแบบและชำระภาษีได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เพื่อเป็นการบรรเทาภาระให้กับผู้มีรายได้เหลือไว้ใช้จ่ายในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว และเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งจีนและประเทศต่างๆ ไม่มาเที่ยวไทย จึงได้เสนอมาตรการไทยเที่ยวไทยช่วยชาติให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ประกอบด้วย มาตรการให้บริษัทห้างร้านหากมีการจัดประชุมสัมมนาพนักงานในพื้นที่ต่างจังหวัด ให้นำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ขณะเดียวกัน ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม ที่พัก หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ หากมีการปรับปรุงสถานที่ให้ดีขึ้น สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีได้ถึง 1.5 เท่า และรัฐบาลจะมีสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากธนาคารของรัฐให้กู้เพื่อปรับปรุงเพิ่มเติมด้วย โดยทั้งสองมาตรการนี้จะมีผลถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563
ส่วนมาตรการชิมช้อปใช้ เฟส 4 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้บุคคลธรรมดาใช้จ่าย จะมีการเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อไป เนื่องจากเฟส 1-3 สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการประเมินผลและออกแบบว่าเฟส 4 ควรมีอะไรบ้าง เพื่อจูงใจให้เกิดการใช้จ่ายท่องเที่ยวมากที่สุด
นายสมคิด กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ไข้หวัดจากเชื้อไวรัสโคโรนามีผลกระทบกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของไทยมาก ตอนนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มาเที่ยวในไทย และเป็นปัญหาทั่วโลก ดังนั้นมาตรการที่ดีที่สุดคือคนไทยต้องช่วยกันเที่ยวไทยเชื่อช่วยชาติ โดยรัฐบาลจะมีมาตการออกมาช่วยเหลือเพื่อจูงใจให้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเที่ยวในเมืองไทย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจมาก ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง