พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยในการประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าพื้นที่จังหวัดต่างๆ มีปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน (50ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ในหลายพื้นที่
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 กำหนดให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขึ้น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์จะต้องยึดแผนปฏิบัติการนี้เป็นหลัก ร่วมกับแผนป้องและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นแนวทางในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ใน 3 มาตรการ
ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยแผนเผชิญเหตุในช่วงวิกฤตตามที่กำหนดไว้ 4 ระดับ คือ ระดับที่ 1 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่าไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ระดับที่ 2 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 51-75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ระดับที่ 3 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 76-100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรและระดับที่ 4 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่ามากกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องอำนวยการสั่งการในการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ระดับฝุ่นละออง และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นละอองอยู่ในระดับ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และติดตามข้อมูลสถานการณ์จากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อวิเคราะห์และกำหนดแนวทางการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาสถานการณ์ โดยนำมาตรการตามแผนปฏิบัติการฯ มาบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเน้นมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) เช่น ต้นกำเนิดจากยานพาหนะ ต้องมีมาตรการตรวจสอบควบคุมรถควันดำ การกำหนดพื้นที่ในการจำกัดเวลารถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินระดับมาตรฐาน การจำกัดการเผา ต้องห้ามการเผาในที่โล่งแจ้งทุกชนิด สำหรับการเผาทางการเกษตรต้องดูให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และการควบคุมดูแลโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้างในพื้นที่อย่างเข้มงวด เป็นต้น
ทั้งนี้ ต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่
รวมทั้งต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในมาตรการและข้อกฎหมาย โดยกำชับให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งสรุปรายงานผลการดำเนินงานและปรับมาตรการต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่ด้วย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ย้ำว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญและถือเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติเป็นต้องเร่งแก้ไข ทั้งในระยะเผชิญเหตุ ระยะสั้น และระยะยาว จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เข้มงวดบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่ พร้อมสร้างการรับรู้และขอความร่วมมือจากประชาชนในการดำเนินมาตรการต่างๆ ร่วมกัน